premium perfect | โรงงานของพรีเมี่ยม - Page 27

เมื่อพูดถึงการจัดทำของพรีเมี่ยมสำหรับใช้ประโยชน์ในทางการตลาด ใช้เป็นสินค้าแจกแถมให้แก่กลุ่มลูกค้าในโปรโมชั่นต่างๆ หรือใช้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนขององค์กร บริษัทในแคมเปญใดๆ หลายคนคงพอทราบกันดีอยู่แล้วว่า สินค้ากลุ่มหนึ่งที่ถือเป็นไอเดียยอดนิยมในการเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมในยุคนี้ก็คือ สินค้าหมวดแก็ดเจ็ต หรืออุปกรณ์เสริมไอทีชิ้นเล็กๆ ที่มีประโยชน์ใช้งานเฉพาะตัว เช่น ลำโพงบลูทูธ หูฟังไร้สาย แฟลชไดร์ฟ พัดลมพกพา พัดลมมือถือ เป็นต้น เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่นั้นมีความสัมพันธ์กับการใช้งานเทคโนโลยี อุปกรณ์ไอทีต่างๆ อยู่ตลอดเวลา สินค้าพรีเมี่ยมที่มีลูกเล่นจากนวัตกรรมใหม่ๆ หรือสามารถเชื่อมต่อ ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ได้ จึงมักเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ดีกว่าสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐานทั่วไป อย่างไรก็ตามพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกสินค้ามาทำเป็นของพรีเมี่ยม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีที่สุดก็คือการเลือกสินค้าที่มีประโยชน์การใช้งานไม่ซับซ้อน ครอบคลุมความต้องการ หรือความสนใจในตัวสินค้าจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมากได้อย่างเช่น ปากกา แฟลชไดร์ฟ พัดลมมือถือ และอื่น ๆ มากมาย ดังนั้นสินค้าแก็ดเจ็ตบางชิ้นที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่ม จึงอาจจะไม่เหมาะที่จะเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมสำหรับแคมเปญการตลาดต่างๆ สักเท่าไหร่ ซึ่งในบทความนี้ก็ได้รวบรวมเอาสินค้าแก็ดเจ็ตที่ควรหลีกเลี่ยงใช้เป็นของพรีเมี่ยมมาแนะนำบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
คีย์บอร์ดบลูทูธ แม้ว่าอุปกรณ์ไอทีอย่างแท็บเล็ตจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ๆ และหนึ่งในแก็ดเจ็ตที่นิยมนำมาเชื่อมต่อ ใช้งานควบคู่กันก็คือ คีย์บอร์ด หรือแป้นพิมพ์บลูทูธ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแก็ดเจ็ตชิ้นนี้เหมาะจะเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับแจก แถมให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลักษณะของตัวแก็ดเจ็ตที่ไม่ได้มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด หรือพกพาได้สะดวกสักเท่าไหร่ อีกความต้องการใช้งานถือว่าอยู่ในวงจำกัด ซึ่งอาจจะไม่ได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทในจำนวนที่มากพอ เพราะแม้ว่าจะเป็นแก็ดเจ็ตยอดฮิตที่นิยมนำมาเชื่อมต่อใช้งานคู่กับแท็บเล็ต แต่ขณะเดียวก็มีผู้ใช้งานจำนวนมากเช่นกันที่ใช้งานแท็บเล็ตเพียงแค่การทัชหน้าจอ หรือใช้ควบคู่กับปากกาสไตลัส โดยไม่มีมีความต้องการใช้งานแป้นพิมพ์
สมาร์ทวอทช์ ปัจจุบันสมาร์ทวอทช์ หรือนาฬิกาข้อมือที่ใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ถือเป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตยอดฮิตที่ผู้บริโภคยุคใหม่จำนวนมากมีความต้องการใช้งาน เรียกว่าเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นหนึ่งที่อยู่ในเทรนด์ความนิยมอันดับต้นๆ ในยุคนี้ แต่ก็มีเหตุผลหลายประการด้วยกันที่ทำให้สมาร์ทวอทช์ไม่เหมาะที่เราจะเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับใช้ประโยชน์ทางการตลาด หรือการช่วยโปรโมทแบรนด์ องค์กร ทั้งเรื่องของต้นทุนราคาผลิตที่สูง การควบคุมคุณภาพการผลิตที่ยาก เนื่องจากสินค้ามีความซับซ้อนในการใช้เทคโนโลยี ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของผู้บริโภคที่มีต่อแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ ซึ่งผูกติดอยู่กับแบรนด์ชื่อดังเพียงไม่กี่เจ้า เรียกได้ว่าการที่ผู้บริโภคจะเปิดใจใช้งานสมาร์ทวอทช์จากแบรนด์โนเนมนั้นมีไม่มากนั่นเอง จึงถือเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นหนึ่งที่ไม่ควรเสี่ยงทำเป็นของพรีเมี่ยม
โคมไฟ USB สำหรับชาวไอทีแล้ว โคมไฟ USB ดีไซน์เก๋ๆ อาจจะเป็นไอเทมยอดฮิตชิ้นหนึ่งที่นิยมใช้ตกแต่งโต๊ะทำงาน และเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้แสงสว่างบนโต๊ะทำงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่เมื่อมองในแง่ของการตลาดแล้ว ต้องบอกว่าเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นที่ไม่เหมาะจะหยิบจับมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสักเท่าไหร่ เนื่องด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะรูปทรง ขนาดของตัวแก็ดเจ็ตที่อาจจะใหญ่เกินกว่าจะใช้เป็นของแจกแถม ต้นทุนการผลิตที่สูง การดีไซน์ที่มีความยืดหยุ่นมากเกินไป และยากต่อการดีไซน์ให้ตัวแก็ดเจ็ตออกมาเป็นของพรีเมี่ยมที่ตรงกับรสนิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมาก หรือสรุปง่ายๆ ได้ว่าโคมไฟ USB เป็นแก็ดเจ็ตที่ตัวผู้ใช้งานมักพิถีพิถันในการเลือกซื้อให้ได้ดีไซน์ และฟังก์ชั่นที่ตรงกับความต้องการของตัวเองนั่นเอง

เมื่อพูดถึงการจัดทำของพรีเมี่ยมสักชิ้นสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ก็แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัท องค์กรต่าง ๆ หรือบรรดานักการตลาดมักจะถึงเรื่องของการออกแบบรูปทรง หน้าตาของสินค้าชิ้นนั้น ๆ เพื่อให้สินค้าดูมีความแมตช์กันได้กับแคมเปญ หรือสามารถสื่อสารเอกลักษณ์ของแบรนด์องค์กรเราออกไปได้ดีที่สุด เรียกได้ว่าหลายคนมักหลงลืมที่จะใส่ใจในรายละเอียดอื่น ๆ ของตัวสินค้าไปนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินค้าที่นิยมเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมกันมักจะเป็นสินค้าประเภทของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่น ปากกา กระบอกน้ำ power bank ซึ่งมีขั้นตอนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนอะไร แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การผลิตสินค้าสักชิ้นเพื่อใช้เป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดนั้น มีรายละเอียดหลายส่วนที่เราต้องใส่ใจและส่งผลต่อประสิทธิผลทางการตลาดที่จะได้รับมากกว่าเราคิดไว้ ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำให้ได้ทราบกันว่ามีรายละเอียดส่วนไหนบ้างที่เราต้องใส่ใจตรวจเช็คในงานผลิตของพรีเมี่ยมต่าง ๆ
รูปแบบการพิมพ์ชื่อ โลโก้ อย่างที่ทราบกันดีว่าส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ และทำให้ตัวสินค้าดูแตกต่างไปจากสินค้าที่มีวางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดก็คือ ชื่อแบรนด์ องค์กร และโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์ที่จะพิมพ์ลงไปบนตัวสินค้านั่นเอง เพราะถือเป็นส่วนที่มีผลต่อการกระตุ้นการจดจำแบรนด์ หรือองค์กรของเราในหมู่ลูกค้ามากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหลายคนมักจะให้ความสำคัญกับการออกแบบ การเลือกฟอนต์ การเลือกสี การดีไซน์โลโก้ที่จะพิมพ์ลงไป แต่ทว่าในขั้นตอนการผลิตจริง ๆ ยังมีสิ่งสำคัญสำคัญอีกอย่างที่เราควรใส่ใจเลือก ซึ่งก็คือการเลือกรูปแบบการพิมพ์นั่นเอง โดยรูปแบบ หรือวิธีการพิมพ์ข้อความ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ลงไปบนของพรีเมี่ยมชิ้นใด ๆ นั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกัน และแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสียและความเหมาะสมกับพื้นผิวของตัวสินค้าที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงมีต้นทุนที่แตกต่างกันด้วย ตัวอย่างเช่น การสกรีนน้ำหมึกลงบนตัวสินค้าโดยผ่านบล็อค วิธีนี้จะเหมาะสำหรับของพรีเมี่ยมประเภทที่ใช้วัสดุเส้นใยธรรมชาติ กระเป๋าผ้า เสื้อยืด การพิมพ์แบบ Flex Print(เฟล็กซ์ ปริ้น) หรือก็คือการรีดติดด้วยความร้อน วิธีนี้มีข้อดีตรงที่ชื่อ ตัวอักษร หรือโลโก้ใด ๆ ที่พิมพ์ลงไปนั้นจะดูมีมิติมากกว่าการสกรีน ซึ่งก็เหมาะสำหรับของพรีเมี่ยมประเภทเสื้อผ้าเช่นกัน การพิมพ์แบบ UV Printing ยูวีปริ้นท์ติ้งถือเป็นเทคนิคการพิมพ์คุณภาพ มีความยืดหยุ่นในการพิมพ์ลงบนพื้นผิวหลากหลาย เรียกได้ว่าครอบคลุมกับสินค้าทุกรูปแบบทั้งเสื้อผ้า แก้วน้ำ พลาสติก โลหะ และยังมีข้อดีตรงที่สามารถเลือกผิวสัมผัส หรือเทกเจอร์ของข้อความ โลโก้ที่พิมพ์ลงไปได้ด้วย เช่น แบบมันวาว แบบนูนด้าน เป็นต้น
เทคนิคการตัดเย็บ อย่างที่ทราบกันว่าของพรีเมี่ยมยอดนิยมหลายชิ้นนั้นผลิตโดยวัสดุประเภทผ้า หรือเส้นใยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น กระเป๋า เสื้อยืด เสื้อโปโล แจ็คเก็ต ผ้าห่ม ฯลฯ ซึ่งกระบวนการผลิตที่ถูกใช้กับวัสดุเหล่านี้โดยตรงก็คือการตัดเย็บนั่นเอง ดังนั้นอีกหนึ่งรายละเอียดที่เราควรให้ความสำคัญก็คือการเลือกรูปแบบการตัดเย็บนั่นเอง ซึ่งโรงงานผู้ผลิตของพรีเมี่ยมก็จะมีรูปแบบการตัดเย็บให้เราเลือกตามความเหมาะสมของตัวสินค้า หรือคุณภาพสินค้าที่เราคาดหวัง ตัวอย่างเช่น การตัดเย็บแบบไร้รอยต่อ การตัดเย็บแบบไร้ตะเข็บ การตัดเย็บโดยใช้ผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อกัน เป็นต้น โดยรูปแบบ หรือเทคนิคการตัดเย็บดังกล่าวก็อาจทำให้ต้นทุนในการสั่งผลิตของพรีเมี่ยมชิ้นนั้น ๆ แตกต่างกันออกไปด้วย เราจึงควรตัดสินใจเลือกให้เหมาะสมกับคุณภาพที่คาดหวังและงบประมาณที่มี