Cart

BLOG | โรงงานของพรีเมี่ยม

กระเป๋าผ้า vs กระเป๋าหนัง ความแตกต่างที่ควรรู้ในการเลือกของพรีเมี่ยม

การเลือก ของพรีเมี่ยม สำหรับใช้ในการส่งเสริมแบรนด์หรือมอบเป็นของขวัญให้กับลูกค้า มักเป็นการตัดสินใจที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก สำหรับกระเป๋าซึ่งเป็นของพรีเมี่ยมยอดนิยมนอกจากกระบอกน้ำ ปากกาแล้ว...

การเลือก ของพรีเมี่ยม สำหรับใช้ในการส่งเสริมแบรนด์หรือมอบเป็นของขวัญให้กับลูกค้า มักเป็นการตัดสินใจที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก สำหรับกระเป๋าซึ่งเป็นของพรีเมี่ยมยอดนิยมนอกจากกระบอกน้ำ ปากกาแล้วมักจะมีวัสดุให้เลือกหลัก ๆ อยู่สองประเภท ได้แก่ กระเป๋าผ้าและกระเป๋าหนัง แต่ละแบบมีความแตกต่างที่สำคัญที่ผู้บริโภคควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้

 

วัสดุและความทนทาน

 

กระเป๋าผ้าเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวัสดุที่เบาและสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน วัสดุผ้ามีหลากหลายประเภทให้เลือก เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าแคนวาส หรือผ้าไนลอน ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปในด้านความทนทานและการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วกระเป๋าผ้าจะเน้นไปที่การใช้งานเบา ๆ เช่น การพกพาของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีข้อดีในเรื่องของการดูแลรักษาง่าย เนื่องจากสามารถซักล้างได้หากเปื้อน

 

ในทางกลับกัน กระเป๋าหนังมีชื่อเสียงด้านความทนทานและความหรูหรา วัสดุหนังทั้งหนังแท้และหนังเทียมมีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการของพรีเมี่ยมที่มีความคงทนและใช้งานได้ยาวนาน อย่างไรก็ตาม การดูแลกระเป๋าหนังอาจจะต้องมีความระมัดระวังมากกว่ากระเป๋าผ้า เนื่องจากการใช้งานที่ผิดวิธีอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือความเสียหายได้ง่าย

 

ภาพลักษณ์และความประทับใจ

 

การเลือก ของพรีเมี่ยม ที่เป็นกระเป๋าผ้าและกระเป๋าหนังสามารถส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ กระเป๋าผ้ามักให้ภาพลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย จึงเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้าที่ใช้งานได้ในทุก ๆ วัน นอกจากนี้กระเป๋าผ้ายังถูกมองว่าเป็นของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

 

ในขณะที่กระเป๋าหนังจะให้ความรู้สึกหรูหราและมีคุณค่า กระเป๋าหนังมักจะถูกเลือกเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความสำคัญ เช่น ผู้บริหารระดับสูงหรือลูกค้าคนสำคัญ ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพและการออกแบบที่ดูสวยงาม กระเป๋าหนังจึงสามารถสื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความเป็นมืออาชีพและมีมาตรฐานสูง

 

ราคาและการคำนึงถึงงบประมาณ

 

เมื่อเปรียบเทียบในแง่ของราคา กระเป๋าผ้ามักจะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากกระบวนการผลิตและวัสดุที่ใช้มีต้นทุนต่ำกว่า จึงทำให้กระเป๋าผ้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรหรือธุรกิจที่ต้องการของพรีเมี่ยมในปริมาณมาก โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูงเกินไป

 

ในทางกลับกัน กระเป๋าหนังมีต้นทุนที่สูงกว่า เนื่องจากวัสดุหนังแท้หรือแม้กระทั่งหนังเทียมคุณภาพสูงมีราคาที่แพงกว่า รวมถึงกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความพิถีพิถันในการตัดเย็บ กระเป๋าหนังจึงมักถูกเลือกเป็นของพรีเมี่ยมในโอกาสพิเศษหรือเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้รับในระดับสูง

 

ความเหมาะสมในการใช้งานและโอกาสในการให้

 

การเลือกกระเป๋าผ้าหรือกระเป๋าหนังเป็น ของพรีเมี่ยม ควรพิจารณาถึงโอกาสและความเหมาะสมในการใช้งาน กระเป๋าผ้าเหมาะสำหรับการใช้งานในกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ เช่น กิจกรรมกีฬาหรือการแจกของในงานแสดงสินค้า นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการกระเป๋าใช้งานที่พกพาสะดวกและดูแลรักษาง่าย

 

ส่วนกระเป๋าหนังเหมาะกับโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น การมอบให้ในงานเปิดตัวสินค้าหรือการประชุมธุรกิจ กระเป๋าหนังมักถูกมองว่าเป็นของขวัญที่มีความมีเสน่ห์และคงทน ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานและเป็นที่ระลึกที่มีคุณค่า

 

 

เมื่อพิจารณาความแตกต่างระหว่างกระเป๋าผ้าและกระเป๋าหนังในการเลือก ของพรีเมี่ยม นั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นหลัก หากคุณต้องการกระเป๋าที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระเป๋าผ้าอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณต้องการมอบความหรูหราและสร้างความประทับใจให้กับผู้รับ กระเป๋าหนังคือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

ทำไมการเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมถึงมีผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณ

ในโลกของการทำธุรกิจ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาพลักษณ์ที่ดีสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ การเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยสร้างและเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ...

ในโลกของการทำธุรกิจ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาพลักษณ์ที่ดีสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ การเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยสร้างและเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากของพรีเมี่ยมที่มอบให้ผู้รับมักสะท้อนถึงค่านิยมและตัวตนขององค์กร บทความนี้จะอธิบายว่าทำไมการเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมจึงมีผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ และเหตุใดคุณควรให้ความสำคัญกับการเลือกสิ่งของเหล่านี้อย่างรอบคอบ

ของพรีเมี่ยมเป็นตัวแทนของแบรนด์

เมื่อธุรกิจมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า พาร์ทเนอร์ หรือพนักงาน ของเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ของขวัญธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงคุณค่าของแบรนด์ สิ่งของที่เลือกมอบจะสะท้อนถึงความตั้งใจ ความใส่ใจ และมาตรฐานของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น หากคุณมอบของพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพดี เช่น ปากกาหรือแก้วน้ำที่มีการออกแบบอย่างพิถีพิถัน จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณมีมาตรฐานสูงและใส่ใจในรายละเอียด

ในขณะเดียวกัน หากมอบของพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพต่ำหรือไม่มีความสอดคล้องกับแบรนด์ สิ่งนั้นอาจทำให้ผู้รับเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อแบรนด์ และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์โดยรวม ดังนั้น การเลือกของที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความรู้สึกและความประทับใจที่ดีให้กับผู้รับ

การเลือกของพรีเมี่ยมที่สอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์

ค่านิยมและจุดยืนของแบรนด์ควรเป็นสิ่งที่สะท้อนผ่านของพรีเมี่ยมที่มอบให้ การเลือกของที่สอดคล้องกับค่านิยมของธุรกิจจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณเน้นเรื่องความยั่งยืน การมอบของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กระบอกน้ำที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล  หรือกระเป๋าผ้าธรรมชาติ

ของพรีเมี่ยมที่ใช้งานได้จริงสร้างความประทับใจที่ยั่งยืน

การมอบของพรีเมี่ยมที่ผู้รับสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น กระเป๋าผ้า แก้วน้ำ หรือแฟลชไดร์ฟ นอกจากจะเป็นการสร้างความประทับใจในทันทีแล้ว ยังทำให้ผู้รับจดจำแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น ของที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงช่วยให้แบรนด์ของคุณยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้รับในทุกครั้งที่ใช้งาน และยังเพิ่มโอกาสที่ผู้รับจะพูดถึงแบรนด์ของคุณกับผู้อื่นอีกด้วย

ความละเอียดในการเลือกของพรีเมี่ยมแสดงถึงความใส่ใจ

การเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมและมีความสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของธุรกิจ หากของพรีเมี่ยมที่มอบให้ผู้รับมีการออกแบบที่สวยงามและมีคุณภาพดี จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ

ยิ่งไปกว่านั้น การปรับแต่งของพรีเมี่ยมให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การสลักโลโก้หรือข้อความที่สื่อถึงแบรนด์ จะสร้างความประทับใจและการจดจำ สิ่งเหล่านี้จะทำให้แบรนด์ของคุณดูน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานสูงขึ้นในสายตาของผู้รับ

สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยของพรีเมี่ยมที่โดดเด่น

ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การเลือกของพรีเมี่ยมที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจให้โดดเด่น ของพรีเมี่ยมที่มีความเป็นเอกลักษณ์และสื่อถึงตัวตนของแบรนด์จะทำให้ผู้รับจดจำแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น และช่วยให้แบรนด์ของคุณมีความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

การมอบของพรีเมี่ยมที่มีความคิดสร้างสรรค์และเป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจในเชิงบวก แต่ยังทำให้ผู้รับรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณใส่ใจในการเลือกของที่สื่อถึงความพิเศษและไม่เหมือนใคร ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระยะยาวกับผู้รับได้มากขึ้น

การเลือกของพรีเมี่ยมที่เหมาะสมมีผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจอย่างมาก ไม่เพียงแต่แสดงถึงค่านิยมและมาตรฐานของแบรนด์ แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจที่ยั่งยืนให้กับผู้รับ ของพรีเมี่ยมที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์และค่านิยมของแบรนด์ รวมถึงสามารถใช้งานได้จริง จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในแบรนด์ของคุณ ในทางตรงกันข้าม การเลือกของที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสื่อมเสียและส่งผลต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจ

ทำไมแบรนด์ใหญ่จึงหันมาใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลายแบรนด์ใหญ่จึงต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลายบริษัทเลือกใช้คือการเปลี่ยนมาใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม...

ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลายแบรนด์ใหญ่จึงต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลายบริษัทเลือกใช้คือการเปลี่ยนมาใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว บทความนี้จะมาดูกันว่าทำไมแบรนด์ใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

 

ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่เพียงแต่คำนึงถึงคุณภาพและราคาเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมของแบรนด์ด้วย แนวคิดนี้เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้คนสนใจสินค้าที่ช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อแบรนด์ใหญ่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้า การเลือกของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของบริษัทได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างความไว้วางใจระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคอย่างเช่นกระบอกน้ำสแตนเลสที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

 

การสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบทางธุรกิจ

 

การเลือกใช้ของพรีเมี่ยมที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน บริษัทที่เน้นใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติในการผลิตของพรีเมี่ยมมักได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้ของพรีเมี่ยมเหล่านี้ไม่เพียงแค่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ยังช่วยสร้างคุณค่าใหม่ให้กับแบรนด์อีกด้วย

 

การตอบสนองต่อกฎหมายและมาตรฐานสากล

 

หลายประเทศได้เริ่มออกกฎหมายและนโยบายที่เน้นการลดการใช้พลาสติกและการส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกของพรีเมี่ยม ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติจึงเป็นวิธีหนึ่งที่แบรนด์สามารถปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ยังช่วยป้องกันการเกิดปัญหาทางกฎหมายและช่วยรักษาชื่อเสียงของบริษัท

 

 

การส่งเสริมความยั่งยืนในองค์กร

 

การที่แบรนด์ใหญ่เลือกใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในองค์กรอีกด้วย หลายบริษัทต้องการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การมอบของพรีเมี่ยมที่ผลิตจากวัสดุที่รีไซเคิลได้หรือเป็นมิตรต่อธรรมชาติเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้แบรนด์แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพว่าแบรนด์นั้นสนับสนุนการดำเนินการอย่างยั่งยืน

 

ความสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

 

เมื่อพูดถึงการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในยุคปัจจุบัน การใช้ ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การมอบของขวัญที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้า หรือแฟลชไดร์ฟที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าบริษัทมีความห่วงใยต่อสังคมและโลกในภาพรวม ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นและความประทับใจในตัวแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

 

การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของพรีเมี่ยม

 

ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่ของแจกหรือของขวัญเท่านั้น แต่ยังสร้างคุณค่าในตัวมันเองด้วย วัสดุที่ถูกใช้ในการผลิต เช่น ไม้ไผ่ หรือผ้าฝ้ายอินทรีย์ที่ทำเป็นกระเป๋าผ้า ทำให้ของเหล่านี้มีเอกลักษณ์และโดดเด่น นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติแล้ว ยังแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดและคุณภาพของแบรนด์ ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจและความภาคภูมิใจให้กับผู้รับได้อย่างมาก

 

แบรนด์ใหญ่ที่หันมาใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อกระแสความนิยมในการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในตลาด ทั้งนี้ยังช่วยส่งเสริมความยั่งยืนภายในองค์กรและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในระยะยาว การเลือกของพรีเมี่ยมที่เน้นความเป็นมิตรต่อธรรมชาติจะกลายเป็นเทรนด์ที่ยั่งยืนและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในอนาคต

ลักษณะของพรีเมี่ยมต้องห้าม ที่ไม่เหมาะใช้เป็นตัวช่วยทำการตลาด

การดำเนินธุรกิจในยุคสมัยปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ของพรีเมี่ยม หรือสินค้าที่ระลึกใดๆ สำหรับแจก แถมในกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นไอเทมที่ค่อนข้างมีความสำคัญในเชิงการตลาด การโปรโมทแบรนด์ องค์กรแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย...

การดำเนินธุรกิจในยุคสมัยปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ของพรีเมี่ยม หรือสินค้าที่ระลึกใดๆ สำหรับแจก แถมในกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นไอเทมที่ค่อนข้างมีความสำคัญในเชิงการตลาด การโปรโมทแบรนด์ องค์กรแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หรือสร้างความเป็นที่รู้จักแก่ผู้คนเพื่อเสริมภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งสินค้าที่เราสามารถเลือกสรรมาทำเป็นของพรีเมี่ยมได้ก็มีมากมายหลายหมวดหมู่เช่นกระบอกน้ำ, ปากกา, หรือ ร่ม ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีสินค้าบางชิ้น บางหมวดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสินค้าต้องห้าม ไม่เหมาะจะนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมสำหรับแจก แถมในกิจกรรมทางการตลาดใดๆ เพราะมีแนวโน้มจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง ซึ่งในบทความนี้เองก็ได้นำเอารายการสินค้าต้องห้ามที่ไม่ควรเลือกใช้เป็นของพรีเมี่ยมขององค์กรเรา ฉบับอัปเดตปี 2023 มาแนะนำเป็นไกด์ไลน์ให้หลายคนใช้คัดกรองไอเดียสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมต่างๆ กัน

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับองค์กร หรือบริษัทที่ผลิตสินค้าหมวดวิตามิน อาหารเสริมจำหน่าย การจะแจกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในลักษณะของสินค้าทดลองอาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ผิดแปลกอะไร แต่สำหรับบริษัทที่ไม่ได้ผลิตสินค้า หรือบริการใดๆ ที่เกี่ยวกับหมวดหมู่ดังกล่าว การเลือกสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดใดๆ นั้นถือเป็นไอเดียต้องห้ามเลยทีเดียว เพราะมีโอกาสไม่มากนักที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเปิดใจใช้ผลิตภัณฑ์ที่เส่งผลต่อสุขภาพจากแบรนด์ที่ไม่รู้จักคุ้นเคย อีกทั้งตัวสินค้ายังมีความละเอียดอ่อนในแง่ของสรรพคุณ หรือผลลัพธ์จากการบริโภคของแต่ละบุคคลอีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะไม่ได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ องค์กรในทางบวกแล้ว ก็อาจจะเสี่ยงให้ผลลัพธ์ในทางลบอีกด้วย

สินค้าที่ใช้นวัตกรรมใหม่ในการออกแบบและผลิต แม้ว่าสินค้าที่อาศัยนวัตกรรมใหม่ในการผลิตจะดูเป็นสินค้าที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างในปัจจุบัน แต่บ่อยครั้งการจะนำเสนอสินค้าในหมวดหมู่นี้ให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึง เข้าใจในความพิเศษ และคุณสมบัติที่แตกต่างของสินค้าได้นั้นต้องอาศัยการนำเสนอที่แตกต่างไปจากสินค้าทั่วๆ ไป และใช้เวลาสาธิตการใช้งาน จึงนับเป็นสินค้าชิ้นที่ไม่เหมาะจะนำมาใช้งานเป็นของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางต่างๆ ต้องมีวิธีใช้งานที่ไม่ซับซ้อน สามารถปรับใช้งานได้กับกลุ่มลูกค้าหลากหลายกลุ่ม

สินค้าที่มีขนาดใหญ่เกินไป ลักษณะสินค้าอีกแบบที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็นของพรีเมี่ยมก็คือ สินค้าที่มีขนาดใหญ่ แม้ว่าสินค้าที่ขนาดใหญ่หลายชิ้น หลายประเภทจะไม่ได้มีต้นทุนการผลิตที่สูงก็ตาม เพราะอย่างที่ทราบกันว่าของพรีเมี่ยม ของที่ระลึกจากกิจกรรมทางการตลาดใดๆ มักเป็นของที่กลุ่มลูกค้าได้รับมาโดยไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน จึงไม่มีแพลนที่จะพกพาสินค้าชิ้นนั้นๆ ไปทำกิจกรรมอื่นใดต่อด้วย เช่นเดียวกับที่ไม่มีแพลนว่าอาจจะต้องนำสินค้าขนาดใหญ่กลับบ้าน ดังนั้นหากตัวสินค้ามีขนาดใหญ่เกินไปก็ย่อมเป็นการสร้างความลำบาก หรือเพิ่มภาระให้ลูกค้าที่จะนำสินค้าชิ้นนั้นๆ กลับด้วย ต่างจากสินค้าชิ้นเล็กๆ ขนาดกะทัดรัดพกพาง่าย ซึ่งแม้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะไม่ทราบล่วงหน้าเช่นกันว่าจะได้รับสินค้า หรือของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆ ไป แต่ก็จะไม่สร้างความลำบาก หรือเป็นอุปสรรคในการพกพาสินค้านั้นกลับไปด้วย ในการเลือกสินค้าชิ้นใดๆ สำหรับใช้เป็นของพรีเมี่ยมจึงควรหลีกเลี่ยงไอเดียสินค้าที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะพกพากลับได้อย่างสะดวก โดยอาจใช้เกณฑ์ความสะดวกในการเดินทางโดยรถสาธารณะเป็นหลักก็ได้ เพราะแน่นอนว่าไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกคนที่จะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือว่ากันง่ายๆ ก็คือควรมีขนาดที่เก็บใส่กระเป๋าผ้า หรือเป้สะพายได้โดยไม่รู้สึกเกะกะนั่นเอง

ไอเดียออกแบบพวงกุญแจเป็นของพรีเมี่ยม ให้โดนใจผู้บริโภคยุคดิจิทัลเจนฯ

เมื่อพูดถึงการทำของพรีเมี่ยมขึ้นสักชิ้นเพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาด เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็แน่นอนว่าร่ม ปากกา กระบอกน้ำสินค้าอย่างพวงกุญแจถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่หลายบริษัท หลายองค์กรต้องนึกถึง หรือมองเป็นตัวเลือกแรกๆ...

เมื่อพูดถึงการทำของพรีเมี่ยมขึ้นสักชิ้นเพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาด เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็แน่นอนว่าร่ม ปากกา กระบอกน้ำสินค้าอย่างพวงกุญแจถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่หลายบริษัท หลายองค์กรต้องนึกถึง หรือมองเป็นตัวเลือกแรกๆ ด้วยข้อดีหลายอย่างที่เหมาะสมจะเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะขนาด น้ำหนักของสินค้าที่เล็กกะทัดรัด เบา ไม่เป็นภาระในการพกพา นำสินค้ากลับแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตต่อชิ้นที่ต่ำ สามารถวางแผนสั่งผลิต และกำหนดจำนวนให้เพียงพอต่อจำนวนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในกิจกรรมนั้นๆ ได้ง่าย ดีไซน์ที่มีความยืดหยุ่น ใส่ไอเดียได้หลากหลาย รวมถึงเหมาะแก่การพิมพ์ สกรีนชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัทลงไป ซึ่งก็ด้วยนี้เองทำให้สินค้าชิ้นนี้เป็นที่นิยมใช้งานในแวดวงการตลาดมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของการเริ่มใช้ของพรีเมี่ยมในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า หรือผู้บริโภค อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันพวงกุญแจจะยังถือเป็นหนึ่งในของพรีเมี่ยมยอดฮิตที่หลายแบรนด์ หลายองค์กรพิจารณาเลือกใช้ในแคมเปญทางการตลาดต่างๆ ของตัวเอง แต่เมื่อมองในแง่ของประสิทธิภาพการสื่อสารก็ต้องบอกว่าพวงกุญแจดีไซน์เดิมๆ ซึ่งตัวสินค้าไม่มีประโยชน์การใช้งานอื่นใดนอกเหนือจากเป็นสิ่งของประดับน่ารักๆ ไว้ห้อยติดกับกุญแจบ้าน กุญแจรถนั้นดูจะสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า หรือผู้บริโภคได้ไม่ดีเท่าเดิมแล้ว เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ต่างก็คาดหวังคุณค่าใหม่ๆ จากตัวสินค้า แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับมาฟรีโดยไม่ต้องควักเงินซื้อก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความคาดหวังคุณค่าที่แมตช์กับไลฟ์สไตล์ประจำวันของตัวเอง ในบทความนี้จึงได้เลือกเอาไอเดียการออกแบบพวงกุญแจเป็นของพรีเมี่ยมให้สวยแมตช์กับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเจนฯ และเพิ่มคุณค่าใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ใช้งานที่มากกว่าพวงกุญแจแบบเดิมๆ มาแนะนำให้ได้เลือกใช้เป็นแนวทางกัน

พวงกุญแจกระเป๋าเคสแฟลชไดร์ฟ ไอเดียแรกที่เลือกมาแนะนำกันก็คือ พวงกุญแจที่สามารถใช้เก็บแก็ดเจ็ตยอดฮิตอย่างแฟลชไดร์ฟได้ ซึ่งการออกแบบก็ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยเป็นลักษณะของการใช้วัสดุหนังเย็บเป็นรูปทรงกระเป๋าขนาดจิ๋วสำหรับใช้เป็นเคสสวมใส่แฟลชไดร์ฟได้นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็มีโรงงานผู้รับผลิตของพรีเมี่ยมหลายแห่งแล้วที่รับผลิต และมีดีไซน์พื้นฐานของพวงกุญแจกระเป๋าเคสแฟลชไดร์ฟให้ได้เลือกสั่งผลิตกัน ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่าแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นแก็ดเจ็ตชิ้นนึงที่จำเป็นสำหรับชีวิตผู้บริโภคยุคดิจิทัลเจนฯ โดยหลายคนจำเป็นต้องพกพาติดตัวไว้ใช้งานบันทึกข้อมูล โอนย้ายไฟล์ตลอดเวลา แต่แก็ดเจ็ตชิ้นนี้กลับไม่มีพื้นที่จัดเก็บ หรือเคสเฉพาะตัว ในการหยิบจับใช้งาน จึงมักเกิดความไม่สะดวก หรือสูญหายบ่อยครั้ง ของพรีเมี่ยมอย่างพวงกุญแจเคสแฟลชไดร์ฟจึงนับเป็นการเพิ่มคุณค่าการใช้งานที่แมตช์กับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเจนที่สามารถสร้างความประทับใจแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้

พวงกุญแจเคสหูฟัง ไอเดียพวงกุญแจที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็นของพรีเมี่ยมในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันก็คือ พวงกุญแจเคสหูฟังนั่นเอง อย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันเทคโนโลยีหูฟังที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปนั้นมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงจากแบบมีสายไปสู่ระบบไร้สาย โดยเป็นการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณบลูทูธ หรือวายเลสแทนหัวแจ็ค และสิ่งนึงที่มาคู่กับหูฟังเจเนอเรชั่นใหม่นี้ก็คือเคสชาร์จ สำหรับเสียบหูฟังทั้งสองข้างเก็บเมื่อไม่ใช้งานและเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวหูฟังไปในตัวด้วย การมองหาเคสซิลิโคนสำหรับสวมใส่ตัวเคสชาร์จอีกทีเพื่อถนอมตัวเคสชาร์จจึงเป็นอีกหนึ่งคุณค่ายุคดิจิทัลเจนที่ผู้บริโภคต้องการเพิ่มตามไปด้วย และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้พวงกุญแจเคสหูฟังจากวัสดุซิลโคนที่ออกแบบง่าย มีวิธีผลิตที่ไม่ซับซ้อน และต้นทุนต่ำเป็นไอเดียของพรีเมี่ยมดีๆที่ช่วยเพิ่มคุณค่าใหม่ๆ ให้กับสินค้าไปในตัวด้วย

หมวก ตัวเลือกของพรีเมี่ยมที่น่าสนใจ

โดยปกติของการทำหรือผลิตของพรีเมี่ยมนั้น ของที่ถูกทำออกมาจะเป็นของที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูง รูปแบบของของพรีเมี่ยมจะต้องเป็นของที่น่าดึงดูด ทำให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะต้องซื้อมาเก็บสะสมให้ได้ โดยของที่นำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยมส่วนมากก็อาจจะเป็นของที่ใช้งานกันทั่วไป...

โดยปกติของการทำหรือผลิตของพรีเมี่ยมนั้น ของที่ถูกทำออกมาจะเป็นของที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูง รูปแบบของของพรีเมี่ยมจะต้องเป็นของที่น่าดึงดูด ทำให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะต้องซื้อมาเก็บสะสมให้ได้ โดยของที่นำมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยมส่วนมากก็อาจจะเป็นของที่ใช้งานกันทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะเป็นพวกร่ม กระเป๋าใบเล็ก ๆ หรืออาจจะเป็นกระเป๋าผ้า ทั้งนี้ของพรีเมี่ยม ที่ได้รับความนิยมสูงอีกอย่างคือพวกเครื่องแต่งกาย

 

และที่เราอยากจะหยิบยกมาคุยกันในวันนี้ ก็คือหนึ่งในของพรีเมี่ยมยอดนิยมเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่ได้รับความนิยมสูงนอกจากริสท์แบนด์ อุปกรณ์ที่ว่านั่นก็คือหมวก ซึ่งนับว่าเป็นของพรีเมี่ยมชั้นดี และเหตุใดสิ่งนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และน่าหยิบมาใช้งานหากว่าใครกำลังมองหาของพรีเมี่ยมดี ๆ อยู่

 

ความหลากหลายของดีไซน์

 

หมวกนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ มีหลากหลายดีไซน์ รวมถึงมีให้เลือกมากมายหลายรูปทรงด้วย ด้วยเหตุนี้เองหากเรานำหมวกมาใช้งาน ทั้งผู้ผลิตและทางแบรนด์เอง จะค่อนข้างมีความยืดหยุ่นสูงเอามาก ๆ มีตัวเลือกให้เราเลือกได้ใช้งาน ให้ตรงกับตลาดของคุณเลย และหากสินค้าตรงกับตลาดของเรา แน่นอนว่าจะได้รับความนิยมและเป็นกระแสที่ดี สิ่งนี้นำไปสู่การต่อยอดได้ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นการออก Collection ใหม่ ๆ การออกสีสันและลวดลายที่มีความแตกต่างกัน สร้างสิ่งที่น่าดึงดูดตามมากยิ่งขึ้น ให้ผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องหามาเก็บเป็น Collection

 

สร้างการมองเห็นได้เป็นอย่างดี

 

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในข้อดีของการนำหมวกมาจัดทำเป็นของพรีเมียม นั่นคือหมวกเป็นสิ่งที่เราหยิบมาใช้งาน และสวมใส่ขณะที่ออกไปไหนมาไหนอยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งนี้จึงอยู่ในสายตาของผู้คนโดยรอบได้ง่ายมากกว่าอุปกรณ์อย่างอื่น แน่นอนว่าของของเราจำเป็นที่จะต้องสกรีนโลโก้ หรือมีชื่อแบรนด์ของเราอยู่ในนั้นด้วย สิ่งนี้สามารถที่จะเผยแพร่ชื่อแบรนด์ของเราให้กลายเป็นที่รู้จักกันได้มากขึ้น และนับว่าเป็นพลังแห่งการโปรโมทอย่างดี และค่อนข้างชัดเจนเข้าใจง่ายเลยทีเดียว แต่นั่นก็ต้องวนกลับมาที่ข้อแรก คือของของเรามีความสวยงามน่าใช้งาน มีความเป็นเอกลักษณ์และน่าเก็บสะสมด้วย

 

เหมาะสมสำหรับทุกองค์กร

 

ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดก็ตาม หน่วยงานหรือบริษัทใดก็ตาม การใช้หมวกเป็นสินค้าพรีเมี่ยมนั้นถือเป็นอะไรที่สามารถใช้งานได้อยู่เสมอ เนื่องจากสิ่งนี้ถือเป็นของที่ไม่ได้มีความเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ ว่าจะต้องเป็นองค์กรแบบใด หรือเป็นแบรนด์สินค้าแบบใดที่จะสามารถนำสิ่งนี้ไปใช้งานได้ การเป็นสินค้าพรีเมียมนอกจากจะทำเพื่อแจกให้กับลูกค้าแล้ว อาจจะทำแจกบุคลากรหรือพนักงานที่อยู่ในองค์กรเอาไว้สวมใส่ ใช้สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกัน สิ่งนี้ก็ยังสามารถสร้างการมองเห็นได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

 

ต้นทุนไม่ได้สูงมากนัก

 

อีกหนึ่งข้อดีของการทำหมวก หรือการผลิตอุปกรณ์ชนิดนี้จำนวนมาก คือวัสดุที่นำมาใช้ ถึงจะเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในเรทราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา ทำให้เราสามารถตัดสินใจใช้งานอุปกรณ์นี้ได้ง่าย เพียงแต่จำเป็นที่จะต้องดีไซน์ให้มีความสวยงามและน่าใช้งาน อาจจะมีความสะดุดตาอยู่บ้าง และอย่าลืมเรื่องสำคัญ คือสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์สำหรับแต่งตัว ดังนั้นจึงต้องนำมาสวมใส่ได้และต้องสวมใส่อย่างสบาย สามารถที่จะระบายอากาศได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหากคุณอยากได้หมวกที่มีคุณภาพ บวกกับมีราคาไม่ได้แพงมากนัก อาจจะต้องเลือกบริษัทที่รับผลิตของพรีเมี่ยมที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพ เพื่อที่จะให้เราได้สบายใจในการเลือกใช้บริการอย่างเต็มที่

 

5 เหตุผล เหตุใดของพรีเมี่ยมจึงจำเป็นต่อธุรกิจ

เรามีตัวเลขที่น่าสนใจอยากจะมาบอกคุณกัน คือเกือบ 85% ของผู้ที่เลือกซื้อสินค้ากับบริษัทต่างๆ หรือแบรนด์ต่างๆนั้น จะเลือกซื้อสินค้าจากบริษัทหรือแบรนด์ที่มีการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า รายได้หรือผลกำไรจากแบรนด์หรือบริษัทที่มีการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้านั้น...

เรามีตัวเลขที่น่าสนใจอยากจะมาบอกคุณกัน คือเกือบ 85% ของผู้ที่เลือกซื้อสินค้ากับบริษัทต่างๆ หรือแบรนด์ต่างๆนั้น จะเลือกซื้อสินค้าจากบริษัทหรือแบรนด์ที่มีการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า รายได้หรือผลกำไรจากแบรนด์หรือบริษัทที่มีการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้านั้น จะมียอดขายเติบโตอย่างเห็นได้ชัด และด้วยเหตุนี้เอง นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน กลยุทธ์การมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้านั้นจึงถือเป็นกลยุทธ์ที่ยังคงยอดเยี่ยม และได้ผลอยู่เสมอนั่นเอง

และสำหรับหากคุณเป็นผู้ประกอบการ หรือทำแบรนด์ของตัวเอง หรือแม้แต่บริษัทหรือองค์กรของตัวเองนั้น และยังคงลังเลอยู่ว่าจะมอบของพรีเมี่ยมเหล่านี้ให้กับลูกค้าดีหรือไม่ วันนี้เราจะมาชวนคุณคุยในเรื่องของ 5 เหตุผล ว่าเหตุใดเราจึงสมควรมอบของพรีเมี่ยม และของพรีเมี่ยมเหล่านี้จำเป็นสำหรับธุรกิจอย่างไร

เมื่อให้ไป ก็จะได้รับตอบ

โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เรามีการแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอ หากเรามอบของบางอย่างให้กับใคร แน่นอนว่าคนคนนั้นก็จะรู้สึกขอบคุณและยินดี จะมีการตอบสนองการให้ของเรานั้นกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้เปรียบเสมือนการสร้างความสัมพันธ์และการคุ้นเคย เมื่อเรามอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้าของเรานั้น แน่นอนว่าลูกค้าก็จะเกิดความประทับใจ และหากนึกถึงสินค้าแบบนี้ภายในครั้งหน้า ก็มักจะนึกถึงสินค้าของเรา หรือการให้บริการของเรามาก่อนเป็นอันดับแรกอยู่เสมอ นอกจากนี้สิ่งเหล่านี้ยังสร้างสิ่งที่เรียกว่า ความภักดีของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน

ลงทุนน้อยนิด แต่ผลตอบแทนนั้นดีเกินคาด

ของพรีเมี่ยมนับว่าเป็นกลยุทธ์สำหรับการส่งเสริมการขาย ที่หากเทียบกับกลยุทธ์อื่นๆถือว่ามีต้นทุนค่อนข้างที่จะต่ำเลยทีเดียว อย่างหากนำมาเทียบกับการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย หรือการนำไปโฆษณาบนช่องทางอื่นก็ตาม เหล่านี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง นอกจากนี้การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนั้นยังได้รับผลตอบแทนที่ยาวนานกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากเราใช้เงินในการส่งเสริมการขาย อาจจะสามารถกระตุ้นแบรนด์ได้นานอาจจะเป็นระยะเวลาเกือบปีเลยทีเดียว เพราะตามธรรมชาตินั้น ลูกค้ามักจะเก็บของพรีเมี่ยมหรือของส่งเสริมการขายของเราไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี สิ่งนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าของของเรามีแนวโน้มที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อลูกค้าได้ในระยะยาว

สร้างการจดจำและเพิ่มการมองเห็น

การโฆษณาแบรนด์ในรูปแบบของดิจิตอลนั้น ส่วนใหญ่จะปรากฏอยู่เพียงแค่ในช่วงแคมเปญที่ดำเนินการอยู่เท่านั้น แต่หากเรามอบของเหล่านี้ให้กับลูกค้า มันจะยังคงปรากฏต่อลูกค้าตราบเท่าที่ลูกค้าหยิบมันมาใช้งานอยู่ ยกตัวอย่างเช่นอาจจะมอบเป็นกระเป๋าผ้า กระบอกน้ำที่มีดีไซน์และรูปลักษณ์ที่สวยงาม พร้อมกับมีโลโก้ของทางแบรนด์อยู่ ลูกค้าอาจจะหยิบมันไปใช้งานทุกครั้งหลังจากที่ไปซื้อสินค้า เมื่อเป็นแบบนั้นแบรนด์ของเราก็จะถูกพบเห็น และสามารถที่จะสร้างลูกค้าคนอื่นได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ใช้ในการสร้างแบรนด์ได้ด้วย

การสร้างแบรนด์ คือการสร้างเพื่อให้ผู้คนรับรู้ว่าเราคือใครในความคิดเห็นของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเป็นที่รู้จักเรามากได้ยิ่งขึ้น ในตัวตนที่แท้จริงของเรา และมีความชัดเจนในตัวตนนั้นด้วย สินค้าเหล่านี้ที่เรานำมาแจกให้กับลูกค้า นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการจดจำในแบรนด์มากเลยทีเดียว ยิ่งเป็นสินค้าที่มีประโยชน์และลูกค้านำมาใช้งานได้ มีรูปลักษณ์ที่สวยงามโดดเด่น ยิ่งทำให้สินค้าของเราถูกหยิบมาใช้งานบ่อย แบรนด์เป็นที่จดจำ และเป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน

สามารถที่จะแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้

ของเหล่านี้บางอย่างนั้น หากเราเลือกของที่หยิบมาใช้งานได้จริง มันมีประโยชน์กับลูกค้าของเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะอาจช่วยแก้ปัญหาบางอย่างให้กับลูกค้าของเราได้ และยิ่งเรามอบของที่มีประโยชน์ให้กับลูกค้ามากเท่าไหร่ ลูกค้าก็จะยิ่งจดจำแบรนด์ของเราได้มากเท่านั้น อย่างเช่นการมอบร่มให้ลูกค้าก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยร่มสามารถกันแดดและกันฝนได้

5 เหตุผลที่แบรนด์ต่างๆ ไม่นิยมนำสินค้ากลุ่มเครื่องประดับมาทำเป็น”ของพรีเมี่ยม”

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบัน"ของพรีเมี่ยม" ถือเป็นหนึ่งในสมการสำคัญสำหรับการทำการตลาดของแบรนด์ธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ โดยแต่ละแบรนด์จำเป็นต้องมีการจัดทำของพรีเมี่ยมที่มีการพิมพ์ชื่อ โลโก้ของแบรนด์ขึ้นเป็นครั้งคราว สำหรับใช้ในแคมเปญต่างๆ ที่จัดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา...

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบัน”ของพรีเมี่ยม” ถือเป็นหนึ่งในสมการสำคัญสำหรับการทำการตลาดของแบรนด์ธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ โดยแต่ละแบรนด์จำเป็นต้องมีการจัดทำของพรีเมี่ยมที่มีการพิมพ์ชื่อ โลโก้ของแบรนด์ขึ้นเป็นครั้งคราว สำหรับใช้ในแคมเปญต่างๆ ที่จัดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าสามารถจดจำ หรือรู้สึกประทับใจในแบรนด์มากขึ้น โดยที่การเลือกสินค้าที่จะนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมก็อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเหมาะสมของฤดูกาลอย่างเช่นร่ม ความเหมาะสมกับลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณที่มี อย่างไรก็ตามมีสินค้าบางกลุ่มที่ต้องบอกว่าไม่เหมาะที่จะเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาใดก็ตาม และหลายคนก็อาจจะพอสังเกตเห็นได้  ซึ่งก็คือสินค้ากลุ่มเครื่องประดับนั่นเอง จะเห็นได้ว่านอกเหนือจากริสแบนด์ ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการโปรโมทแคมเปญแล้ว ก็แทบไม่มีเครื่องประดับชิ้นอื่นเลยที่แบรนด์ธุรกิจต่างๆเลือกใช้ทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมทาการตลาด ในบทความนี้จึงจะมาเผยเหตุผลให้ได้ทราบกันว่าแบรนด์ธุรกิจต่างๆ จึงไม่นิยมนำเอาสินค้ากลุ่มเครื่องประดับมาทำเป็นของพรีเมี่ยม

การบริโภคขึ้นอยู่กับรสนิยมเฉพาะ ซึ่งมีความหลากหลายและซับซ้อน เหตุผลประการแรกที่ทำให้การใช้สินค้ากลุ่มเครื่องประดับทำเป็นของพรีเมี่ยมทางการตลาดเป็นไอเดียที่ไม่เวิร์กสำหรับแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ก็คือ การบริโภค หรือเลือกใช้งานสินค้ากลุ่มนี้นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งมีความหลากหลายและซับซ้อน จึงยากที่จะดีไซน์สินค้าให้ออกมาถูกใจกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่นั่นเอง

ตัวสินค้าไม่มีประโยชน์ใช้งานในตัวเอง เหตุผลประการต่อมาก็คือสินค้าในกลุ่มเครื่องประดับนั้นไม่มีประโยชน์ใช้สอยในตัวเอง โดยประโยชน์อย่างเดียวของสินค้ากลุ่มนี้ก็คือความสวยงาม ซึ่งขึ้นอยู่กับความพึงพอใจเฉพาะบุคคลด้วย สรุปง่ายๆได้ว่าผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ไม่มีความจำเป็นต้องการใช้งานมันนั่นเอง ดังนั้นโอกาสที่ของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆจะถูกหยิบจับมาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันก็ย่อมมีน้อยตามไปด้วย

ยากต่อการพิมพ์ชื่อ สัญลักษณ์แบรนด์ เหตุผลประการต่อมาที่แบรนด์ธุรกิจต่างๆ ไม่นิยมเลือกนำเอาสินค้ากลุ่มเครื่องประดับมาจัดทำเป็นของพรีเมี่ยมก็คือ ข้อจำกัดในการพิมพ์ชื่อ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ใดๆที่สื่อถึงแบรนด์ลงไปนั่นเอง เนื่องจากสินค้ากลุ่มเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีขนาดเล็ก หลายๆชิ้นนั้นแทบไม่มีพื้นที่ให้พิมพ์ข้อความใดๆ ลงไป และถึงแม้ว่าจะสามารถพิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดเล็กลงไปได้ แต่ก็ยากต่อการสังเกตเห็น

ข้อจำกัดด้านงบประมาณ เหตุผลต่อมาที่ทำให้เครื่องประดับเป็นสินค้าที่ไม่เวิร์กอย่างยิ่ง หากจะเลือกนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมทางการตลาดก็คือ ข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งบประมาณนั่นเอง เพราะหากต้องการสินค้าเครื่องประดับเกรดคุณภาพ ก็จะต้องใช้ต้นทุนค่าวัสดุสูงมาก ซึ่งอาจสูงกว่าสินค้าใช้งานทั่วไปกว่า 4-5 เท่า และในทางตรงกันข้ามหากเลือกใช้วัสดุราคาถูกเพื่อคุมงบประมาณ คุณภาพของเครื่องประดับที่ได้ก็อาจจะออกมาน่าผิดหวังมากๆ ทั้งในเรื่องของความคงทน และความสวยงาม

ไม่สามารถใช้เป็นสินค้าเชิงสัญลักษณ์ในแคมเปญพิเศษใดๆ ได้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้สินค้ากลุ่มเครื่องประดับเป็นไอเดียของพรีเมี่ยมที่ไม่เวิร์กสำหรับแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ก็คือ ตัวสินค้าไม่สามารถนำมาใช้เป็นสินค้าเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายในแคมเปญพิเศษใดๆ ได้นั่นเอง ขณะที่สินค้าอีกหลายชิ้นหลายกลุ่มสามารถใช้เป็นสินค้าเชิงสัญลักษณ์ในแคมเปญพิเศษต่างๆ ได้ เช่น ถุงผ้าที่สามารถสื่อความหมายด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมได้ ปากกาและเครื่องเขียนต่างๆ ที่สามารถสื่อความหมายถึงการสนับสนุนการศึกษาของเด็กๆได้ เป็นต้น

ข้อห้าม หากต้องการทำของพรีเมี่ยมให้ดีและน่าสนใจ

ในการทำธุรกิจนั้น กลยุทธ์การตลาดที่ดีถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และนับว่าเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นอีกกุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ยาก ยิ่งในทุกวันนี้การแข่งขันทางการตลาดที่สูงเอามากๆ การมองหากลยุทธ์เพื่อมาครองใจลูกค้า ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจเป็นอย่างดี...

ในการทำธุรกิจนั้น กลยุทธ์การตลาดที่ดีถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และนับว่าเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นอีกกุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ยาก ยิ่งในทุกวันนี้การแข่งขันทางการตลาดที่สูงเอามากๆ การมองหากลยุทธ์เพื่อมาครองใจลูกค้า ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจเป็นอย่างดี เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นการกระตุ้นยอดขายเท่านั้น สิ่งนี้ยังคงสร้างความจดจำในแบรนด์ให้กับลูกค้า และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

 

กลยุทธ์ทางการตลาดที่ว่าเด็ดก็มีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไปก็น่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่น ไม่ว่าจะเป็นการลดราคา การขายในราคาพิเศษ หรือมีอีกกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันเอง นั่นก็คือแจกของสมนาคุณให้กับลูกค้า หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่าการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นวิธีทางการตลาดที่ได้รับความนิยม และกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดีด้วยเหมือนกัน

 

และหากเราจะกล่าวกันถึงเรื่องของพรีเมี่ยม หลายคนก็มักจะนึกถึงของที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ของที่หยิบมาใช้งานได้จริง หรือเป็นของที่ระลึกหรือของเก็บสะสมได้ด้วยอย่างเช่น ร่มหรือกระเป๋าผ้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ของพรีเมี่ยมที่ดีจะต้องดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ ดังนั้นการที่แต่ละแบรนด์จะผลิตของเหล่านี้ขึ้นมา จะต้องมั่นใจได้ว่ามีความน่าสนใจและเป็นของพรีเมี่ยมที่สามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าได้ ทั้งนี้ก็เพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดของแบรนด์ที่ยอดเยี่ยม

 

ดังนั้นแล้วในวันนี้ เราจะไม่ได้มาว่ากันเรื่องของกลยุทธ์ของพรีเมี่ยม จะทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ แต่เราจะมาคุยกันเรื่องของข้อห้าม ว่าเราไม่ควรทำอย่างไร อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรทำ หากอยากให้กลยุทธ์ของพรีเมี่ยมของเราประสบความสำเร็จ และเป็นไปตามที่ทางแบรนด์ต้องการ

 

ไม่มีกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจน

 

ข้อสำคัญที่ขาดไม่ได้ ของการใช้กลยุทธ์ของพรีเมี่ยมนั้นก็คือ การมีกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน หรือไม่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเลย เพราะหากไม่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภคของเราไว้แต่แรก เราก็ไม่รู้ว่าของพรีเมี่ยมของเรา หรือของที่ลูกค้าต้องการคืออะไร ซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละแบรนด์ ก็มักจะผลิตของเหล่านี้ให้มีความสอดคล้องกับตัวสินค้าลักษณ์ของตนเอง ดังนั้นต้องรู้ก่อนว่าเราจะผลิตอะไร และผลิตมันออกมาเพื่อใคร ลูกค้าเองก็จะตัดสินใจเลือกซื้อเพราะมองเห็นทุนความคุ้มค่า และนำไปใช้งานได้จริง ดังนั้นเราจึงควรมีกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มผู้บริโภคของเราให้ชัดเจนมากที่สุด

 

ราคาแพงอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเสมอไป

 

ของที่เราเลือกนำมาใช้งานเป็นของพรีเมี่ยมนั้น โดยส่วนมากมักเป็นของที่หยิบมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ยกตัวอย่างเช่นพวกสมุดโน้ต ปากกา หรือแก้วน้ำอะไรแบบนี้เป็นต้น ของเหล่านี้อาจจะเป็นของที่ไม่ได้มีต้นทุนสูงมากนัก การที่เราใช้ของราคาแพงอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเสมอไป แต่ของที่จะมัดใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี คือของที่มีเอกลักษณ์ และสร้างความแตกต่างกับความน่าสนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น มีการเพิ่มการใช้งาน รูปแบบดีไซน์ที่มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร หรือการเพิ่มมูลค่าด้วยการผลิตออกมาในจำนวนจำกัด หรือที่ทำออกมาในรูปแบบของลิมิเต็ดอิดิชั่นเป็นต้น

 

ระยะเวลาของโปรโมชั่นนานจนเกินไป

 

เรื่องของระยะเวลาค่อนข้างมีความสำคัญเลยทีเดียว เพราะมันจะเป็นตัวเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการมอบสินค้าพรีเมี่ยมเหล่านี้ ที่ยิงถูกผลิตขึ้นมาเป็นจำนวนจำกัด หากมีการกำหนดระยะเวลาเป็นเงื่อนไขเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวสินค้า เพราะเมื่อสินค้าของเราผลิตออกมาในจำนวนจำกัด อาจจะหาซื้อได้แค่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นการจำกัดเวลาจึงได้ผล การทำโปรโมชั่นนานเกินไป แทนที่จะได้ประโยชน์กับจะเสียประโยชน์มากกว่า

เทคนิคหาไอเดีย ของพรีเมี่ยมทางการตลาดตามฤดูกาล

เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันของพรีเมี่ยมทางการตลาดค่อนข้างมีความสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในแง่ของการใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยโปรโมทแคมเปญ สื่อสารโปรโมชั่นต่าง ๆ ของธุรกิจ รวมไปถึงการสื่อสารภาพลักษณ์ สร้างการจดจำในแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้า และผู้คนในสังคม...

เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันของพรีเมี่ยมทางการตลาดค่อนข้างมีความสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในแง่ของการใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยโปรโมทแคมเปญ สื่อสารโปรโมชั่นต่าง ๆ ของธุรกิจ รวมไปถึงการสื่อสารภาพลักษณ์ สร้างการจดจำในแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้า และผู้คนในสังคม ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้ทุกๆธุรกิจจำเป็นต้องมีการจัดทำของพรีเมี่ยมของตัวเองสำหรับแจก มอบให้กลุ่มลูกค้าอยู่เป็นระยะ ๆ แต่ปัญหาสำคัญในการจัดทำของพรีเมี่ยมทางการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ ก็คือการเลือกหาไอเดียสินค้าที่จะเลือกนำมาใช้ ซึ่งจะต้องเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแคมเปญการตลาดแต่ละครั้ง และสามารถดึงดูดความสนใจได้มากพอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดตามที่คาดหวังด้วยนั่นเอง และแน่นอนว่าไอเดียที่เวิร์กสำหรับแคมเปญการตลาดแต่ละครั้งอาจแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา ในบทความนี้จึงได้นำเอาเทคนิคการเลือกหาไอเดียของพรีเมี่ยมตามฤดูกาลมาแนะนำบอกกล่าวให้ได้นำไปปรับใช้กัน

กระบอกน้ำ, แก้วเก็บความเย็น ในช่วงหน้าร้อน หากจะแบ่งฤดูกาล หรือช่วงเวลาสำคัญ ๆ ในบ้านเรา แน่นอนว่ามีหนึ่งช่วงเวลาที่ค่อนข้างสำคัญ ซึ่งส่งต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคในบ้านเราโดยตรง และกินเวลาค่อนข้างยาวนาน ซึ่งก็คือ ช่วงหน้าร้อน หรือช่วงเวลาที่สภาพอากาศร้อน โดยอาจจะนับรวมไปถึงฤดูกาลอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไอเทมตัวช่วยบรรเทาความร้อน เช่น กระบอกน้ำ แก้วเก็บความเย็น ย่อมเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นโดยอัตโนมัติ จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมทางการตลาดในแคมเปญใด ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ของพรีเมี่ยมแบบกิฟต์เซ็ทสำหรับช่วงปลายปี และเทศกาลมอบของขวัญต่าง ๆ อีกหนึ่งช่วงเวลาเฉพาะในแต่ละปีที่จะตามมาด้วยดีมานด์เฉพาะที่แตกต่างไปจากช่วงเวลาอื่น ๆ ด้วยเช่นกันก็คือ ช่วงเวลาปลายปีที่ผู้คนนิยมมอบของขวัญให้กัน เป็นของขวัญคริสต์มาส ของขวัญปีใหม่ หรือในช่วงเวลาเทศกาลมอบของขวัญอื่น ๆ เช่น ช่วงตรุษจีน ช่วงสงกรานต์ เป็นต้น ช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะตามมาด้วยความต้องการสินค้าแบบกิฟต์เซ็ท หรือสินค้าที่มีการจัดหีบห่อพิเศษ สามารถส่งมอบเป็นของขวัญได้ทันที ดังนั้นแน่นอนว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไอเดียของพรีเมี่ยมที่เวิร์กที่สุดก็คือ ของพรีเมี่ยมประเภทกิฟต์เซ็ทที่สามารถใช้เป็นของขวัญให้กับคนใกล้ตัวได้นั่นเอง

ร่มสำหรับหน้าฝน อีกหนึ่งฤดูกาลเฉพาะในบ้านเราที่สัมพันธ์กับความเป็นจำเป็นในการใช้งานสินค้าบางกลุ่ม บางชิ้นของคนส่วนใหญ่ก็คือ ช่วงหน้าฝนนั่นเอง แน่นอนว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้คนจำนวนมากมีความต้องการใช้งานสินค้าอย่างร่ม สำหรับกางกันฝนขณะเดินทาง ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่าร่มยังคงเป็นไอเดียของพรีเมี่ยมที่เวิร์กสุด ๆ สำหรับหน้าฝนของทุก ๆ ปี

สมุดโน้ต เครื่องเขียน สำหรับช่วงเปิดภาคเรียน อีกหนึ่งช่วงเวลาเฉพาะที่นำมาซึ่งดีมานด์เฉพาะของสินค้าบางกลุ่มที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนักการตลาดหลายคนมักมองข้ามไปก็คือ ช่วงเวลาเริ่มต้นเปิดภาคเรียนของสถาบันการศึกษาระดับชั้นต่าง ๆ เช่น โรงเรียนประถม/มัธยม มหาวิทยาลัย ในบ้านเรานั่นเอง โดยในช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะนำมาซึ่งความต้องการสินค้ากลุ่มเครื่องเขียน สมุดโน้ต สมุดเลคเชอร์ และอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายตามระเบียบของแต่ละสถาบันจากนักเรียน นักศึกษา ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าจากสินค้ากลุ่มต่าง ๆ ดังที่กล่าวมานี้ สินค้าที่ดูจะเป็นไอเดียที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมทางการตลาด แจก มอบให้กลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษา ในแคมเปญการตลาดที่จัดขึ้นในช่วงการเปิดภาคเรียนก็คือ สมุดโน้ต และเครื่องเขียน เช่น ปากกา ดินสอ ที่ราคาต้นทุนไม่ได้สูงนั่นเอง โดยการทำเครื่องเขียนพรีเมี่ยมที่มีการพิมพ์ชื่อ โลโก้แบรนด์ บริษัทแจก มอบให้นักเรียน นักศึกษาในช่วงเปิดภาคเรียนย่อมช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และได้รับการจดจำจากกลุ่มเป้าหมายเด็กและวัยรุ่นได้มากทีเดียว