ในปัจจุบันนั้น ของพรีเมี่ยมมักจะได้รับความนิยมในการใช้งานในการมอบเพื่อเป็นของกำนัลหรือของตอบแทนในเชิงธุรกิจ ซึ่งของพรีเมี่ยมนั้น เป็นสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มความดึงดูดใจให้กับลูกค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจ ให้ดำรงความสัมพันธ์อันดีงามในการทำธุรกิจนั้น ๆ ไว้ นอกจากนี้แล้ว บางคนก็ยังเลือกใช้ของพรีเมี่ยมเพื่อมอบให้เป็นสิ่งของแทนใจในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อีกด้วย
หากจะพูดถึงของพรีเมี่ยมในทางพระพุทธศาสนานั้น ได้มีการพูดถึงการให้ทานซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 รูปแบบ รูปแบบแรกคือ วัตถุทาน หรือ อามิสทาน คือการให้ทานด้วยวัตถุสิ่งของหรือก็คือการให้ของพรีเมี่ยมแก่บุคคลทุกกลุ่มนั่นเอง ซึ่งการมอบของพรีเมี่ยมที่เป็นทานนั้น คือการมอบของพรีเมี่ยมที่ก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ผู้รับและของพรีเมี่ยมเหล่านั้นสามารถช่วยให้ผู้รับพ้นทุกข์ได้ ก็จะถือว่าเป็นทานในการให้ผ่านวัตถุนั่นเอง
รูปแบบต่อมาของการให้ทานคือ อภัยทาน คือการปล่อยวางและให้อภัย ซึ่งอภัยทานนั้นถือว่าเป็นการให้ทานที่ได้บุญมากที่สุด เพราะเป็นการตัดกรรมต่อบุคคลต่าง ๆ และเลิกจองเวรต่อกัน ซึ่งการอภัยทานนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นการให้ทานที่ได้บุญมากที่สุดก็ตาม แต่ก็เป็นทานที่มอบให้ยากมากที่สุดเช่นกัน เพราะการอภัยทานนั้นหมายถึงการเลิกจองเวรต่อกันทุกทาง ทั้งความคิดและจิตใจ และต้องมีความเต็มใจที่จะให้อภัยต่อกันอย่างแท้จริงจึงจะนับว่าเป็นอภัยทาน
รูปแบบสุดท้ายคือ ธรรมทาน คือการมอบธรรมะให้เป็นทาน เป็นความรู้ ใช้ธรรมะในการช่วยเหลือบุคคลต่าง ๆ ให้เกิดการหลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งธรรมทานนั้น สามารถมอบให้ได้ทั้งตนเองและผู้อื่น การมอบให้ผู้อื่นคือการใช้ธรรมะในการอบรมสั่งสอนผู้อื่นให้เกิดความบรรลุและเกิดความเข้าใจในกฎแห่งกรรมจนเกิดความพ้นทุกข์จากสรรพสิ่งทั้งปวง ส่วนการมอบให้กับตนเองคือการนำตนเองเข้าไปรับฟังธรรมและคำสั่งสอนต่าง ๆ นั่นเอง
การมอบของพรีเมี่ยมให้กับผู้อื่นนั้นจึงถือว่าเป็นการทำทานโดยการให้ผ่านวัตถุด้วยเช่นกัน ซึ่งเราไม่ได้มอบของพรีเมี่ยมให้เพื่อหวังผลบุญหรือสิ่งตอบแทน แต่เราให้เพื่อต้องการให้ผู้รับนั้นพ้นทุกข์ผ่านการใช้งานสิ่งของต่าง ๆ เช่นของพรีเมี่ยมกลุ่มกระบอกน้ำ หากผู้รับนั้นไม่มีกระบอกน้ำ เกิดความหิวกระหายระหว่างการเดินทางก็เกิดความทุกข์ ซึ่งเราสามารถดับทุกข์ให้เขาเหล่านั้นได้ด้วยการมอบของพรีเมี่ยมเป็นกระบอกน้ำ เป็นต้น
ของพรีเมี่ยมที่เรามอบให้ต่าง ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็น ถุงผ้า ปากกา หรือสิ่งของอะไรก็ตามที่ผู้รับนั้นสามารถพ้นทุกข์จากการใช้ประโยชน์จากสิ่งของที่เรามอบให้ต่างถือว่าเป็นการให้ทานทั้งสิ้น ซึ่งบางคนอาจจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้ทานว่าเป็นการดูถูกหรือไม่ แท้จริงแล้ว การให้ทานเป็นเพียงการสร้างบุญร่วมกันระหว่างผู้ให้และผู้รับเท่านั้น ไม่ได้เป็นการดูถูกหรือดูแคลนผู้รับทั้งสิ้น
ส่วนการให้ของพรีเมี่ยมในเชิงธุรกิจนั้น หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า การมอบของพรีเมี่ยมเพื่อทำประโยชน์ทางธุรกิจถือเป็นการให้ทานหรือไม่ ส่วนนี้ก็ต้องแยกออกมาอีกว่า การมอบของพรีเมี่ยมนั้นเป็นการให้ทาน แต่เราให้ทานไปเพื่อหวังสิ่งตอบแทนหรือไม่ แล้วสิ่งตอบแทนที่เราได้รับกลับมานั้น เป็นการสร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นหรือไม่ หากเป็นการเต็มใจให้และเต็มใจรับทั้ง 2 ฝ่ายถึงแม้ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ ก็ถือว่าเป็นการให้ทานเช่นเดียวกัน
การมอบของพรีเมี่ยมนั้น เราควรมอบให้ผู้อื่นด้วยความต้องการที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้รับสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อใจไว้ใจและสร้างไมตรีที่ดีต่อกัน และหากว่าเราดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ด้วยความจริงใจและบริสุทธ์ใจอย่างแท้จริงแล้ว ความจริงใจของเราเหล่านั้นจะนำมาความประสบผลสำเร็จมาสู่ตัวเราเองได้ในอนาคต