ทำไมแฟลชไดร์ฟส่วนใหญ่ความจุไม่เต็ม ??
ในโลกของเทคโนโลยีปัจจุบัน การทำงานในคอมพิวเตอร์ การเก็บหรือส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ในโลกของเทคโนโลยีปัจจุบัน การทำงานในคอมพิวเตอร์ การเก็บหรือส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ยอดการผลิตและจำหน่ายแฟลชไดร์ฟสูงขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หลาย ๆ คนเคยสงสัยไหมคะว่า แฟลชไดร์ฟที่ซื้อมานั้น ทำไม่หน้ากล่องหรือบนตัวแฟลชไดร์ฟเขียนความจุไว้ไม่ตรงกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์ตอนเสียบใช้ เกิดความผิดพลาด ได้แฟลชไดร์ฟปลอม หรือว่าโดนคนขายหลอก วันนี้เราจึงเอาข้อมูลความรู้เรื่องความจุในแฟลชไดร์ฟมาให้ทุกคนได้ลองอ่านกันค่ะ
อันดับแรกให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนว่า ในระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะใช้ระบบเลขฐานสองเป็นตัวอ่านค่าข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งต่างจากเราในปัจจุบันที่จะใช้ตัวเลขในชีวิตประจำวันเป็นเลขฐานสิบ โดยนอกจากระบบเลขฐานสองในคอมพิวเตอร์ก็อาจจะมี เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหกร่วมด้วย ซึ่งทำให้การแปลค่าตัวเลขต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์อาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจของเรา ยกตัวอย่างเช่น 1,000 ไบต์ =1 กิโลไบต์ / 1,000 กิโลไบต์ = 1 เมกกะไบต์ / 1,000 เมกกะไบต์ = 1 กิกะไบต์ / 1,000 กิกะไบต์ = 1 เทระไบต์ ในความเข้าใจของเราจะเป็นลักษณะของเลขฐานสิบในลักษณะนี้ แต่ขณะเดียวกันในระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะมองตัวเลขทั้งหมดนี้และประมวลออกมาเป็นเลขฐานสอง ทำให้ได้ออกมาเป็นรูปแบบ 1,024 ไบต์ = 1 กิโลไบต์ / 1,024 กิโลไบต์ = 1 เมกกะไบต์ / 1,024 เมกกะไบต์ = 1 กิกะไบต์ นั่นเอง
จากตัวเลขด้านบนทำให้เห็นว่าตัวเลขที่ระบบคอมพิวเตอร์คำนวนกับความเข้าใจของเรานั้นจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ทำให้เมื่อเราซื้อแฟลชไดร์ฟมาและเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วจำนวนความจุของเครื่องคอมพิวเตอร์กับแฟลชไดร์ฟไม่เท่ากัน ซึ่งหากเป็นในลักษณะแบบนี้ ความจุของแฟลชไดร์ฟที่โชว์ในคอมพิวเตอร์อาจจะหายไปเล็กน้อย ประมาณ 1-2 กิกะไบต์
วิธีการคำนวณง่าย ๆ ว่าแฟลชไดร์ฟที่เราซื้อมานั้นจะสามารถใช้ความจุตามจริงได้เท่าไหรเมื่อเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ก็คือ การหารด้วยหน่วยความจุ เช่นซื้อแฟลชไดร์ฟมา 16 กิกะไบต์ ซึ่ง 16 กิกะไบต์เท่ากับ 16,000,000 ไบต์(16พันล้านไบต์) เราสามารถลองคำนวณง่าย ๆ ด้วยการ นำ 16,000,000 ไบต์ หารด้วย กิโลไบต์ 1,024 และหารด้วย เมกกะไบต์ 102.4 และหารด้วยกิกะไบต์ 10.24 ก็จะได้ 14.90 ซึ่งเป็นความจุที่จะแสดงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเมื่อเราซื้อแฟลชไดร์ฟ ขนาด 16 กิกะไบต์นั่นเอง
หากเราลองพิจารณาดูจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วนั้นความจุในแฟลชไดร์ฟของเราไม่ได้หายไปไหนเลย เพียงแต่ว่าความเข้าใจของคนส่วนใหญ่มักจะตีตัวเลขเป็นเลขฐานสิบ แต่คอมพิวเตอร์จะคำนวณเป็นเลขฐานสอง ซึ่งหากลองพิจารณดูแล้วก็จะเห็นว่ามีความจุที่แตกต่างกันอยู่ 24 หน่วย หรือประมาณ 7 % เท่านี้ก็สบายใจกันได้แล้วใช่ไหมคะว่าจริง ๆ แล้วแฟลชไดร์ฟที่เราซื้อมานั้นไม่ได้โดนหลอกหรือโดนโกงความจุนะคะ เพียงแต่แค่การอ่านค่าของมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ
ถึงแม้ว่าแฟลชไดร์ฟนั้นจะมีประโยชน์ในการช่วยจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีมากอยู่แล้วก็ตาม แต่การทำงานให้รอบคอบก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การทำงานนั้นนอกจากจะมีการสำรองไฟล์ของมูลที่สำคัญไว้ในเครื่องแล้วก็ควรที่จะพกปากกาสักแท่งไว้จดรายละเอียดคร่าว ๆ เพิ่มด้วยนะคะเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย นอกจากนี้แล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ก็มีความสำคัญสำหรับการทำงานมากเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Power bank หรือ ปลั๊กยูนิเวิร์ดแซล เพราะการทำงานบางครั้งอาจจะมีการเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ ซึ่งการเตรียมความพร้อมทั้งตนเอง และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำงานให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาจะทำให้เราดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
แฟลชไดร์ฟยอดนิยมสำหรับคุณ
สินค้าแนะนำสำหรับคุณ
แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์ไอที ตัวเล็กแต่เต็มด้วยประโยชน์
แฟลชไดร์ฟ (USB Drive , Thumb Drive , Handy Drive) คือ อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพา
แฟลชไดร์ฟ (USB Drive , Thumb Drive , Handy Drive) คือ อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพา ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทุกระบบ อีกทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ปัจจุบันมีขนาดความจุให้เลือกตั้งแต่ 8 GB จนถึง 128 GB
คุณลักษณะที่สำคัญของ แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
- แฟลชไดร์ฟมีขนาดเล็ก บาง น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว
- แฟลชไดร์ฟมีความจุข้อมูลตั้งแต่ 1 MB – 128 GB
- แฟลชไดร์ฟมีความเร็วสูงในการอ่าน / เขียนข้อมูล สูงสุดประมาณ 70MB/s (read) และ 15MB/s (write)
- แฟลชไดร์ฟสามารถใช้ได้กับระบบคอมพิวเตอร์ทุกประเภท (Windows , Linux , Mac OS)
- แฟลชไดร์ฟสามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่มีช่อง USB (PC , Notebook , Mac iBook , iMac)
- แฟลชไดร์ฟสามารถใช้เก็บข้อมูลและไฟล์ได้ทุกประเภท (เอกสาร , MP3 , Video , รูปภาพดิจิตอล และอื่น ๆ)
- Plug & Play เพียงเสียบเข้าช่อง USB ของคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้งานได้ทันที
- แฟลชไดร์ฟช่วยรักษาข้อมูลภายในปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดการตกหล่น กระแทกหรือขีดข่วน
- แฟลชไดร์ฟสามารถเขียน / ลบข้อมูลได้ 1,000,000 ครั้ง
- แฟลชไดร์ฟไม่ต้องใช้ไฟหรือแบตเตอรี่ ในการเก็บข้อมูลหรือใช้งาน
- ระยะเวลาเก็บข้อมูลของแฟลชไดร์ฟสูงสุดถึง 10 ปี
- แฟลชไดร์ฟมีสวิตช์ในการป้องกันการเขียน / ลบข้อมูล และป้องกันการลบหรือเซฟทับโดยไม่ตั้งใจ
- การเก็บข้อมูลด้วยแฟลชไดร์ฟมีความปลอดภัยสูง ป้องกันข้อมูลด้วย Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
ประโยชน์ของ แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive)
- แฟลชไดร์ฟสามารถใช้แบ็คอัพข้อมูลสำคัญหรือไฟล์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
- แฟลชไดร์ฟรุ่นที่มี MP3 Player สามารถฟังเพลง MP 3 ได้โดยตรงทุกที่ทุกเวลา
- แฟลชไดร์ฟใช้เก็บไฟล์งานชั่วคราว สำหรับเอาไว้ใช้งานหรือแก้ไขได้ทุกที่ (บ้าน , ที่ทำงาน , ร้านอินเตอรเน็ต , มหาวิทยาลัย ฯลฯ)
- แฟลชไดร์ฟถูกเพิ่มคุณสมบัติและการใช้งานด้วย Add-o Software เช่น โปรแกรม Email , โปรแกรมแบ่ง Partition , Digital Lock โดยใช้งานจากแฟลชไดร์ฟได้โดยตรง ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานได้อย่างไม่จำกัด
- แฟลชไดร์ฟสามารถเก็บข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ หรือ Address book เพื่อความสะดวกในการใช้งานทุกที่
- แฟลชไดร์ฟสามารถย้ายข้อมูลหรือไฟล์ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง หรือ ระหว่างคอมพิวเตอร์กับโน้ตบุ๊ค
- แฟลชไดร์ฟใช้เก็บข้อมูลที่ดาวน์โหลด , ไฟล์งาน , หรือโน้ตข้อความ เวลาคุณใช้คอมพิวเตอร์ที่ Internet Café
- แฟลชไดร์ฟใช้เก็บรูปภาพจากกล้องดิจิตอล เพื่อนำไปแสดงในที่ต่าง ๆ
- แฟลชไดร์ฟใช้เป็นฮาร์ดดิสก์ส่วนตัว เก็บข้อมูลทุกอย่างในที่เดียว สำหรับพกพาไปใช้ง่ายในที่ต่าง ๆ
- แฟลชไดร์ฟสามารถเก็บข้อมูลที่สำคัญ ๆ แล้วป้องกันด้วยระบบ Password และการเข้ารหัสข้อมูล Data Encryption
จัดได้ว่าแฟลชไดร์ฟนั้นเป็นอุปกรณ์ไอที นวัตกรรมเทคโนโลยี ที่มีความสามารถสูงและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย จึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายและมีความปลอดภัยสูง หากสนใจแฟลชไดร์ฟที่มีการรรับประกันคุณภาพตลอดอายุการใช้งาน 10 ปี พร้อมบริการลงข้อมูลให้ฟรี 1 GB สามารถติดต่อสอบถามกับทางโรงงานผู้ผลิตและจัดจำหน่ายของพรีเมี่ยมศูนย์รวมสินค้าพรีเมี่ยมแบบครบวงจรที่สุด อันดับ 1 เรื่องของพรีเมี่ยม เป็นผู้ผลิตจำหน่ายพร้อมสกรีนโลโก้ ข้อความ รูปภาพ ตราสัญลักษณ์ของบริษัทลงบนสินค้าพรีเมี่ยมหรือของพรีเมี่ยมรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าพรีเมี่ยมแฟลชไดร์ฟ ของพรีเมี่ยมปากกา ของพรีเมี่ยมกระบอกน้ำ ร่มพรีเมี่ยม power bank พรีเมี่ยม ถุงผ้าพรีเมี่ยม ริสท์แบนด์พรีเมี่ยม พวงกุญแจพรีเมี่ยม Gift Setพรีเมี่ยม เป็นต้น ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 024081377
สินค้าที่คุณอาจสนใจ
Leave a comment Cancel reply
รวม 6 วิธีที่ทำให้แฟลชไดร์ฟใช้งานได้ยาวนาน
แฟลชไดร์ฟกลายอุปกรณ์สำคัญสำหรับใครหลายคน เพราะแฟลชไดร์ฟมีความสามารถในการบันทึกและเก็บข้อมูลต่าง ๆ
แฟลชไดร์ฟกลายอุปกรณ์สำคัญสำหรับใครหลายคน เพราะแฟลชไดร์ฟมีความสามารถในการบันทึกและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ โดยที่เราไม่ต้องไปเก็บในคอมเตอร์อย่างเดียว ซึ่งทำให้เราสามารถพกพาข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ติดตัวไปได้ตลอดเวลา และหากต้องการใช้ข้อมูลเหล่านั้นก็เพียงนำไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ตัวอื่น ๆ เพื่อใช้งาน ดังนั้นวันนี้เราจึงนำวิธีในการดูแลรักษาแฟลชไดร์ฟให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมาฝากกัน
วิธีในการทำให้แฟลชไดร์ฟใช้งานได้ยาวนาน
1.แฟลชไดร์ฟส่วนใหญ่จะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำนั่นก็คือ แฟลชไดร์ฟสูญหายหรือไม่ก็ไปลืมทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งแน่นอน ฉะนั้นอาจจะเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟประเภทที่มีสายคล้อง มีสีสันที่โดเด่นสะดุดตา หรืออาจจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างแต่จดจำได้ง่าย เช่น เป็นแฟลชไดร์ฟตัวการ์ตูนแฟนซีต่าง ๆ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟโลหะ แฟลชไดร์ฟรีไซเคิล เป็นต้น
2.หลีกเลี่ยงไม่ให้แฟลชไดร์ฟมีความชื้นหรือโดนน้ำเด็ดขาด เช่น การนำแฟลชไดร์ฟไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือนำแฟลชไดร์ฟไปใส่ในกระเป๋ากางเกง ถ้าหากไม่นำออกก่อนที่จะเข้าเครื่องซักผ้ารับรองว่าอาจได้แฟลชไดร์ฟอันใหม่อย่างแน่นอน เพราะโดยปกติแล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาไม่สามารถทำงานได้หากโดนความชื้นเข้าเล่นงาน อีกทั้งหากแฟลชไดร์ฟมีความชื้นในขณะที่นำไปเสียบใช้งานกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วล่ะก็ อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้ ซึ่งอาจจะทำให้คอมพิวเตอร์เสียหายได้ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟก็อาจจะสูญหายไปด้วยเช่นเดียว
3.หลีกเลี่ยงการนำแฟลชไดร์ฟไปวางไว้ใกล้ความร้อนหรือที่ที่มีความร้อนสูง เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ รวมถึงแฟลชไดร์ฟ หากนำไปใกล้ความร้อนจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์เสื่อมถอยลงหรือเสื่อมสภาพการใช้งานลง ใช้งานได้ไม่นานนั่นเอง อีกทั้งในขณะที่ใช้งานแฟลชไดร์ฟหากเกิดอุณภูมิสูงมากจนเกินไปจริง ๆ อาจจะทำให้แฟลชไดร์ฟระเบิดได้แล้วยัง เป็นอันตรายทั้งต่อทรัพย์สินแถมยังเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตอีกด้วย
4.ก่อนถอดแฟลชไดร์ฟออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ควรที่จะปิดการเชื่อมต่อการทำงานเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟกระชากจนทำให้อายุการใช้งานสั้นลงและเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟลชไดร์ฟพังเสียหายนั่นเอง ซึ่งสามารถปิดการเชื่อมต่อได้โดยคลิกที่ Eject… บริเวณลูกศรด้านขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์
5.ควรสแกนไวรัสบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟล์งานเสียหายจากไวรัส เพราะแฟลชไดร์ฟเป็นตัวแพร่ไวรัสจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกไปเครื่องหนึ่ง
6.ไม่ควรทำให้แฟลชไดร์ฟหล่นจากที่สูง ตกกระแทกบ่อย ๆ เพราะอาจจะทำให้ชิ้นส่วนที่ประกอบอยู่ด้านในของแฟลชไดร์ฟเกิดการคลาดเคลื่อนหรือเสียหายได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟลชไดร์ฟพังนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีในการดูแลรักษาแฟลชไดร์ฟเพื่อให้เราสามารถใช้งานแฟลชไดร์ฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการยืดอายุการใช้งานแฟลชไดร์ฟได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ไฟล์งานใด ๆ ที่มีความสำคัญอย่างมากก็ควรที่จะสำรองข้อมูลไว้หลายๆ แห่งเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น และแฟลชไดร์ฟในปัจจุบันก็จะมีลูกเล่นเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษาข้อมูล เช่น การใส่รหัสแฟลชไดร์ฟก่อนใช้งานทุกครั้ง เป็นต้น หากสนใจแฟลชไดร์ฟคุณภาพดีสามารถติดต่อได้ที่ โรงงานของพรีเมี่ยม.com ศูนย์รวมสินค้าพรีเมี่ยมครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แฟลชไดร์ฟ ปากกา กระบอกน้ำ ร่ม power bank ถุงผ้า พวงกุญแจ สินค้ายุค COVID เป็นต้น
สินค้าที่คุณอาจสนใจ
Leave a comment Cancel reply
ปัญหาในการใช้งานแฟลชไดร์ฟ
แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มาพร้อมความจุสูง ใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบ แฟลชไดร์ฟ USB
แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มาพร้อมความจุสูง ใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบ แฟลชไดร์ฟ USB เข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ และ Flash Drive แฟลชไดร์ฟ ยังมีขนาดที่เล็ก พกพาได้สะดวกอีกด้วย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัญหาหลัก ๆ ในการใช้งานแฟลชไดร์ฟที่พบบ่อยมากที่สุดนั่นก็คือ
ไฟล์ข้อมูลเสียหายหรือสูญหาย จากการที่ถอด Flash Drive แฟลชไดร์ฟ ออกทันทีหลังใช้งานเสร็จแล้ว ซึ่งการถอดแฟลชไดร์ฟที่ถูกต้องนั่นก็คือ เมื่อทำการบันทึกข้อมูลลงบน Flash Drive แฟลชไดร์ฟ เสร็จแล้ว ให้ทำการ Eject Flash Drive เสียก่อน ด้วยการเลื่อนเมาส์มายังแถบทาส์กบาร์ทางด้านล่างขวาของหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะพบกับลูกศรชี้ขึ้น ให้ทำการคลิกไปทีลูกศรที่ชี้ขึ้นหนึ่งครั้ง จะเห็นไอคอนรูปหัว USB และให้คลิกที่ไอคอนนั้น จะขึ้น pop up ให้เลือกไดร์ฟของ Flash Drive ที่ต้องการถอดออก แล้วเลือก Eject…. จากนั้นจะมี pop up ขึ้นมาแจ้งว่า Safe To Remove hardware and Eject Media แล้วจึงค่อยถอด Flash Drive ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์
Flash Drive เสีย หรือข้อมูลที่เก็บไว้ภายในเสียหาย เพราะโดนไวรัสทำลาย ซึ่งการดับเบิลคลิกเพื่อเปิดไฟล์ที่ต้องการ อาจทำให้ไวรัสที่แฝงอยู่ในไฟล์ โผล่ขึ้นมา ดังนั้น การเปิดไฟล์ควรทำการคลิกขวา และเพื่อเป็นการปกป้องไม่ให้แฟลชไดร์ฟติดไวรัสก็คือ ควรทำการสแกนไวรัสเป็นประจำ และไม่ควรนำ Flash Drive ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ที่ไม่มีการติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส หรือไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ โดยเฉพาะในวัยเด็กที่มักจะชอบเสียบแฟลชไดร์ฟกับคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน และมักได้ไวรัสติดกลับมาทุกครั้ง
Flash Drive ตรวจสอบไม่พบและไม่ทำงาน อาจเกิดจากไฟเลี้ยงจากเมนบอร์ดมายังพอร์ต เพื่อส่งไปที่ Flash Drive ผิดปกติ หรือทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้ที่พอร์ตของ USB หรือแฟลชไดร์ฟของเรา อยู่บริเวณด้านหน้าเครื่องหรืออาจเกิดขึ้นจากการใช้สายต่อจาก USB port ด้านหลังเครื่องออกมา ทำให้ระบบไม่จ่ายไฟให้กับ Flash Drive ตามปกติ ซึ่งในการแก้ไขปัญหาจะต้องทำการเปลี่ยนพอร์ตใหม่หรือเปลี่ยนสายต่อเส้นใหม่ ให้พอร์ต USB สามารถใช้งานร่วมกับflash drive แฟลชไดร์ฟ ได้ตามปกติ
Can not Copy File มีการแจ้งเตือน There is not enough disk space เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบไฟล์หรือ File Format System นั้นไม่สนับสนุน เช่น การโอนไฟล์ข้อมูลที่มีข้อมูลขนาดใหญ่เกินกว่า 4GB ลงไปในไดร์ฟที่เป็นไฟล์ระบบ FAT32 เป็นระบบพื้นฐาน (ค่าเริ่มต้น) ของ Flash Drive แฟลชไดร์ฟ ที่ไม่รองรับการจัดเก็บข้อมูลที่ใหญ่กว่า 4GB / ไฟล์ หากต้องการเก็บจะต้องใช้โปรแกรมหั่นออกเป็นหลาย ๆ ไฟล์ แต่หากต้องการเก็บข้อมูลที่เป็นไฟล์ขนาดใหญ่เพียงไฟล์เดียว จะต้องทำการเปลี่ยนระบบการจัดเก็บไฟล์ใหม่ จากระบบ FAT32 เป็นระบบ NTFS ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้ถึง 16EB / ไฟล์
ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้ เป็นปัญหาที่พบได้มากที่สุดในการใช้งานแฟลชไดร์ฟ แต่ถ้าหากใช้งานอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะได้เจอกับปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้
และหากต้องการแฟลชไดร์ฟสำหรับใช้งานสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โรงงานของพรีเมี่ยม.com เว็บไซตืศูนย์รวมสินค้าและของพรีเมี่ยมครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟพรีเมี่ยม กระบอกน้ำพรีเมี่ยม กระเป๋าและถุงผ้าพรีเมี่ยม ร่มพรีเมี่ยม power bank พรีเมี่ยม สินค้ายุค-covid-19 ริสท์แบนด์พรีเมี่ยม gift-set พรีเมี่ยม พวงกุญแจพรีเมี่ยม gadget-แก็ดเจ็ต ต่างๆ มากมาย พร้อมทีมงานออกแบบ และงานทำโลโก้มืออาชีพ ทำให้ของพรีเมี่ยมของลูกค้าเป็นที่รู้จักสู่กลุ่มลูกค้าของคุณ ไม่คุณจะเป็นองค์กร ธุรกิจ บริษัท ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เรายินดีให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพอย่างถึงที่สุด