BLOG | โรงงานของพรีเมี่ยม - Page 11

ในการจัดทำของพรีเมี่ยมสำหรับบริษัท องค์กร หรือแบรนด์ใดๆ ขึ้นมาสักชิ้น หลายคนน่าจะพอทราบดีอยู่แล้วว่าประโยชน์ก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยโปรโมทให้องค์กร หรือแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ช่วยเสริมภาพลักษณ์องค์กรในด้านดี หรือกระทั่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในวิสัยทัศน์ขององค์กรแก่ผู้คนผ่านข้อความ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่พิมพ์ลงบนตัวสินค้านั้นๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยความเข้าใจพื้นฐานของการจัดทำของพรีเมี่ยมจะเป็นการสื่อสารความเป็นแบรนด์ ตัวตนขององค์กรเราออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ผ่านตัวสินค้าใดๆ กล่าวคือหากมีการพิมพ์โลโก้ ชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัทลงไปบนสินค้านั้นๆ ก็สามารถใช้เป็นสินค้าพรีเมี่ยมของบริษัทในแคมเปญต่างๆ ได้แล้ว
แต่ทว่าหากแบ่งประเภทการใช้งานตามวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนต้องบอกว่าของพรีเมี่ยมมีอยู่ด้วยกันสองแบบหลักๆ คือของพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท และแบบที่จัดทำขึ้นเพื่อพนักงาน หรือบุคลากรขององค์กร ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองแบบย่อมคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ในบทความนี้จึงได้นำเอาความแตกต่างของสินค้าพรีเมี่ยมทั้งสองแบบมาแนะนำให้ได้ทราบกันว่าควรจะต้องวิธีเลือก และออกแบบต่างกันอย่างไร เพื่อให้ได้สินค้าที่ออกมาตรงโจทย์การใช้งานที่สุด
ของพรีเมี่ยมสำหรับลูกค้าเป็นเครื่องมือการตลาดที่ช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้จัก และจดจำแบรนด์เราได้ดีขึ้น ส่วนของพรีเมี่ยมสำหรับพนักงานช่วยเพิ่มความรู้สึกมีส่วนร่วมภายในองค์กร ความแตกต่างอย่างแรกระหว่างสินค้าพรีเมี่ยมทั้งสองแบบก็คือประโยชน์ในด้านความรู้สึกของผู้คนที่ได้รับสินค้านั้นๆ ไปใช้งาน โดยหากเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท เมื่อได้รับสินค้าไปก็จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการจดจำ ทำให้ลูกค้ารู้จักและจดจำในแบรนด์ของบริษัทได้มากขึ้น ส่วนพนักงาน หรือบุคลากรภายในนั้นแน่นอนว่าย่อมรู้จักบริษัทดีในระดับนึงอยู่แล้ว การได้รับสินค้าพรีเมี่ยมใดๆ จากทางบริษัทไปใช้งานจึงจะเป็นการช่วยเพิ่มความรู้สึกมีส่วนร่วมกับองค์กร เพิ่มความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่พนักงาน หรือบุคลากร ดังนั้นการเลือกสินค้าและออกแบบตัวสินค้าสำหรับทำเป็นของพรีเมี่ยมทั้งสองแบบจึงควรมีความแตกต่างกันด้วย ตัวอย่างเช่น ในส่วนของพนักงานนั้นอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใส่ข้อความโฆษณา หรือสโลแกนใดๆ ของบริษัทที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดการรู้จักในตัวองค์กรมากขึ้น เพราะพนักงานภายในย่อมรู้จักคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ดีอยู่แล้ว เป็นต้น
เลือกใช้สินค้าที่เป็นยูนิฟอร์มสำหรับของพรีเมี่ยมพนักงาน อย่างที่ได้ทราบกันไปตามกล่าวข้างต้นว่า ประโยชน์ของสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับพนักงาน หรือบุคลากรก็คือการสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมภายในองค์กร ซึ่งสินค้าประเภทที่ช่วยสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมได้ดีที่สุดก็คือสินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย หรือยูนิฟอร์มนั่นเอง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคนเราจะคุ้นเคยกับเครื่องแต่งกายที่ช่วยบ่งบอกถึงสถานะ บทบาทหน้าที่มาตั้งแต่เด็กๆ ตัวอย่างเช่น เครื่องแบบโรงเรียน กระบอกน้ำที่โรงเรียนแจก สมุดโน้ตของโรงเรียน สกรีนตราสัญลักษณ์โรงเรียน ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่าเราเรียนที่ไหน ในระดับชั้นอะไร และเด็กคนไหนที่เรียนที่เดียวกับเราบ้าง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะเป็นรากฐานไปถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวองค์กร ดังนั้นไอเดียแรกๆ ที่ควรเลือกใช้ในการมองหาของพรีเมี่ยมสักชิ้นให้พนักงานขององค์กรก็ควรจะเป็นยูนิฟอร์ม เช่น เสื้อโปโลที่มีการปักชื่อบริษัท หรือถุงผ้าที่สกรีนโลโก้บริษัท เป็นต้น ขณะที่ของพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทนั้นไม่มีความจำเป็นต้องกระตุ้นความรู้สึกความมีส่วนร่วมกับองค์กร จึงควรเลือกใช้ไอเดียสินค้าทั่วไป ที่มีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการหยิบจับใช้งานสินค้าบ่อยๆ และทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักจดจำองค์กรได้โดยอัตโนมัติเอง

ถ้าพูดถึงการแจกของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ก็แน่นอนว่ามีหลากหลายวิธีให้เราได้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแจกให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่พบเห็นแบบฟรีๆ เช่น แจกปากกาที่สรกีนโลโก้ ชื่อบริษัท การใช้กิจกรรมตอบคำถาม เพื่อรับของรางวัล เช่น ถุงผ้า กระบอกน้ำ การร่วมสนุกเล่นเกมที่ทางบริษัทจัดขึ้น หรือกระทั่งการซื้อสินค้ารายการใดๆ ที่ทางบริษัทกำหนดเพื่อแลกรับของรางวัล เช่น ร่ม กิ๊ฟเซ็ต เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากเลือกวิธีที่ถือว่ามีประสิทธิภาพในแง่ของการสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์ บริษัท และลูกค้าได้มากที่สุด นักการตลาดส่วนมากย่อมนึกถึงระบบสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของพรีเมี่ยม เพราะระบบนี้นับว่าค่อนข้างมีความแตกต่างไปจากวิธีอื่นๆ ที่นิยมใช้ในกิจกรรมการตลาดต่างๆดังที่ยกตัวอย่างมาก ซึ่งในบทความนี้เองก็ได้รวบรวมเอาเหตุผลที่ทำให้วิธีสะสมคะแนนแลกรับของพรีเมี่ยมนั้นแตกต่างจากกิจกรรมแจกของพรีเมี่ยมแบบอื่นๆ และมักมีแนวโน้มที่จะได้ประสิทธิผลทางการตลาดที่ดีกว่ามาบอกกล่าวให้ได้ทราบกัน
การสะสมคะแนนมักใช้เวลายาวนานกว่าวิธีอื่นๆ เหตุผลแรกที่ทำให้ระบบสะสมคะแนนแลกของพรีเมี่ยมนั้นได้ประสิทธิผลทางการตลาดที่ดีกว่าก็คือ ระยะเวลาการมีส่วนร่วมระหว่างบริษัท และลูกค้าที่ยาวนานกว่าวิธี หรือกิจกรรมรูปแบบอื่นๆ นั่นเอง เพราะการสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้า หรือบริการใดๆ ของบริษัทให้ถึงจำนวนที่กำหนดนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ซึ่งหลายกรณีอาจกินเวลานานหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ช่วงระยะเวลานี้เองจะทำให้กลุ่มลูกค้ารู้สึกได้ดีถึงการมีส่วนร่วมกับบริษัท หรือแบรนด์จนเกิดเป็นการจดจำ หรือการรู้สึกภักดีในแบรนด์ไปโดยอัตโนมัติ รวมถึงอาจกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า และบริการของแบรนด์มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าระยะเวลาในการมีส่วนร่วมจะถือเป็นข้อดีด้วยเหตุผลดังกล่าว แต่ในการกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนจากการซื้อสินค้าและบริการใดๆ ก็ควรระมัดระวังให้เป็นไปด้วยความสมเหตุสมผล หรือทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความคุ้มค่ากับจำนวนคะแนนที่ได้รับด้วย เพราะหากเกณฑ์การให้คะแนนยาก หรือน้อยเกินไปก็อาจทำให้ลูกค้าหลายคนถอดใจที่จะร่วมสนุกสะสมคะแนนได้
การสะสมคะแนนเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆในตัวเอง สำหรับเหตุผลข้อนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจิตวิทยาการตลาดอย่างนึงก็ว่าได้ เพราะธรรมชาติของผู้บริโภคนั้นการได้สินค้าชิ้นใดมาด้วยความยากลำบาก หรือต้องอาศัยความตั้งใจในการสะสมคะแนน และรอเวลาในการแลกรับของรางวัลนั้นๆ ย่อมรู้สึกถึงคุณค่าของของรางวัล หรือของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆ ได้มากกว่าการได้รับมาด้วยวิธีการง่ายๆ หรือกิจกรรมแลกรับง่ายๆ อย่างการตอบคำถามสั้นๆ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้แม้ว่าระบบสะสมคะแนนจะมีส่วนช่วยเพิ่มคุณค่าของพรีเมี่ยมใดๆ ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการเลือกออกแบบ และผลิตของพรีเมี่ยมให้มีคุณภาพที่น่าพอใจ ให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความคุ้มค่ากับความตั้งใจในการสะสมคะแนนเพื่อแลกรับมา ซึ่งหากของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆ มีคุณภาพที่น่าผิดหวังก็จะกลายเป็นว่าผลลัพธ์ทางการตลาดที่ได้นั้นอาจตรงข้ามกับที่คาดหวังไว้เลย เรียกว่าลูกค้าอาจมีความรู้สึกในทางลบต่อแบรนด์ บริษัท หรือองค์กรจนส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภคสินค้า หรือบริการของบริษัทใดอนาคต
สามารถกำหนดจำนวนคะแนน และของรางวัลให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ระบบสะสมคะแนนแลกรับของพรีเมี่ยมได้ประสิทธิผลทางการตลาดที่ดีกว่าวิธีอื่นๆ ก็คือสามารถเลือกสินค้าที่จะนำมาเป็นของรางวัลได้หลากหลาย และกำหนดจำนวนคะแนนให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ ต่างจากกิจกรรมรูปแบบอื่น ซึ่งอาจแยกกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ยาก หรือไม่สามารถกำหนดความเหมาะสมของของรางวัลแต่ละชิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สังเกตได้จากกิจกรรมการตลาดหลายๆ รูปแบบที่ของรางวัลบางรายการที่มีมูลค่าสูง หรือได้รับความนิยมสูงมักถูกเลือกรับไปจากกลุ่มลูกค้าก่อนจนของรางวัลหมดอย่างรวดเร็ว และทำให้ลูกค้ารายอื่นๆ ที่มาร่วมกิจกรรมในภายหลังต้องเลือกรับของรางวัลชิ้นอื่นไปแทน

ในยุคปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม ก็นิยมที่จะแจกของสมนาคุณแก่ลูกค้า หรือใช้กลยุทธ์ของพรีเมี่ยมด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจากกลยุทธ์นี้เป็นอะไรที่ไม่ว่าจะในยุคไหนก็มีประโยชน์ และสามารถที่จะเรียกลูกค้าได้จริง ของพรีเมี่ยมที่ว่านี้ก็คือ ของที่เราจะทำการมอบให้กับลูกค้า โดยเราจะทำการสกรีนโลโก้ของเราลงไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเหตุผลหลากหลายประการ เหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อเป็นการสร้างการมองเห็น สร้างการเป็นที่รู้จักในแบรนด์ ให้ใครต่อใครได้รู้จักแบรนด์ของเราได้มากยิ่งขึ้น และด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์ของพรีเมี่ยม จึงเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเสมอมา

แต่ก็มีของพรีเมี่ยมจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังคงฮิต และได้รับความนิยม ที่ทางแบรนด์ต่างๆ ได้หยิบมาใช้งานกันอยู่เสมอ และผู้คนมักที่จะสกรีนโลโก้ลงบนของเหล่านี้อยู่เสมอด้วย ดังนั้นด้วยเหตุนี้วันนี้เราจะมานำเสนอ ของพรีเมี่ยมยอดนิยม ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนำมาสกรีนโลโก้ เพื่อทำการแจกจ่ายให้กับลูกค้ากัน จะเป็นของชิ้นไหนกันบ้างไปดูเลย

แก้วน้ำ กระบอกน้ำ หรือขวดน้ำ

หากจะนึกถึงแกนสกรีนโลโก้ลงบนอะไรสักอย่าง แก้วน้ำน่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากหลายแบรนด์นิยมที่จะมอบแก้วน้ำเพื่อสมนาคุณให้กับลูกค้า มันเป็นอะไรที่น่ารักดี ถึงจะไม่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ แต่ก็เป็นของขวัญที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้ยังมีบรรดาขวดน้ำหรือกระบอกน้ำ ในกรณีที่อยากให้คนพกพาไปไหนมาไหน เราเห็นการสกรีนโลโก้ลงบนอุปกรณ์เหล่านี้อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณสมัครสมาชิกฟิตเนส คุณอาจได้กระบอกน้ำ ที่มีการสกรีนโลโก้ของฟิตเนสลงไป

กระเป๋าถือ หรือถุงผ้า

ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือหรือเป็นถุงผ้าก็ตาม เหล่านี้ก็เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ที่จะนำมาทำเป็นของแจกและถูกสกรีนโลโก้ลงไป หลายแบรนด์ก็เลือกที่จะใช้กระเป๋าถือ หรืออาจเป็นถุงผ้าเพื่อแจกลูกค้าเป็นของพรีเมี่ยมด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ สามารถที่จะหยิบไปใช้งานได้จริง ไม่ต้องกลัวเลยว่าลูกค้าจะได้ไปและไม่ได้ใช้งาน เพราะจะหยิบมาใช้งานได้อย่างแน่นอน จะหยิบมาใช้ในโอกาสไหนแตกต่างกันออกไป แต่อย่างน้อยก็หยิบมาใช้งาน ดังนั้นจึงสามารถที่จะสร้างการมองเห็นได้เป็นอย่างดี

เสื้อ

อันนี้ไม่ใช่แค่การแจกให้กับบรรดาลูกค้าเท่านั้น แต่ยังคงแจกให้กับพนักงาน ซึ่งเราจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ กับการแจกเสื้อ ที่มีการสกรีนโลโก้ลงไปบนเสื้อ สิ่งนี้สามารถสร้างการมองเห็นได้เป็นอย่างดี หากเป็นกระเป๋าเล็กๆ ยังอาจทำการเก็บใส่ในกระเป๋าใหญ่ได้ แต่หากมีการสกรีนลงบนเสื้อ แน่นอนว่าคนจะใส่เสื้อนั้นตลอด และผู้คนจะมองเห็นแบรนด์ของเราได้ตลอด

บรรดาของใช้เพื่อสุขภาพ

ข้อนี้จะมาพร้อมกับยุคใหม่ ยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยกันมากยิ่งขึ้น ทุกคนหันมาใส่หน้ากากอนามัย หลายแบรนด์ก็เลือกที่จะมอบหน้ากากอนามัยให้กับลูกค้า แถมไปด้วยการสกรีนโลโก้ หรือสกรีนชื่อแบรนด์ของตนเองลงไปด้วย ก็นับว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะถือเป็นการโปรโมทแบรนด์ไปในตัว

ปากกา

สิ่งนี้ถือเป็นของพรีเมี่ยมสุดคลาสสิก ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนหยิบมันมาใช้งาน ก็ประสบความสำเร็จไปทุกครั้ง ไม่ว่าใครก็หยิบปากกามาใช้งาน คิดถึงโลโก้ที่ถูกสกรีนลงไปจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ด้วยความเล็กและเรียบหรูนี่เอง ทำให้ปากกายังคงเป็นของพรีเมี่ยมยอดนิยม

การทำการตลาดของพรีเมี่ยมนั้น เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็นสินค้า หรือบริการใดก็ตามที่เกิดขึ้น ซึ่งสินค้าและบริการเหล่านี้ การที่จะใช้ของพรีเมี่ยมเป็นอะไร หรือทำออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ การที่เราจำเป็นจะต้องรู้ ว่าเรามอบสิ่งของเหล่านี้ให้กับใคร เพศอะไร หรือผู้คนเจนไหน ซึ่งผู้คนแต่ละเจน ก็จะมีวิถีการใช้ชีวิต และสิ่งของที่อยากได้แตกต่างกันออกไป

วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันเรื่องของช่วงวัย หรือก็คือเจนเนอเรชั่นนั่นเอง สำหรับการเลือกของพรีเมี่ยมให้กับผู้คนแต่ละเจน จำเป็นที่จะต้องรู้ปัจจัยมากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป เนื่องจากผู้คนแต่ละช่วงวัย มีความต้องการสิ่งของที่แตกต่างกัน การที่เราอยากจะใช้เครื่องมือทางการตลาดที่ว่ามานี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้ผู้คนที่ได้รับไปสามารถหยิบของเหล่านี้มาใช้งานได้จริง จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนี้ไว้เป็นอย่างมาก

และเหล่านี้คือตัวอย่าง ของของพรีเมี่ยมที่เราน่าจะมอบให้กับผู้คนแต่ละเจน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ผู้คนยุคเบบี้บูมเมอร์

ผู้คนยุคเบบี้บูมเมอร์นี้ จะเหมารวมคนที่อายุอยู่ที่ประมาณ 60 ปีขึ้นไป ผู้คนยุคนี้ ถือเป็นยุคที่ย้อนไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเป็นยุคฟื้นฟูเศรษฐกิจ และหลายอย่างของโลกของเรา ดังนั้นผู้คนกลุ่มนี้เอง จะเติบโต โดยถูกผู้คนที่อายุมากกว่า สอนว่าจำเป็นที่จะต้องมีความอดทน จะต้องต่อสู้กับความยากลำบาก มีวินัยให้มากๆ และอาจจะต้องเชื่อในผู้นำ หรือมีความศรัทธาในชาติเป็นหลัก

ดังนั้นของพรีเมี่ยมที่เราอาจมอบให้กับผู้คนในยุคเบบี้บูมเมอร์นั้น จึงอาจจะเป็นของ ที่เน้นใช้งานได้จริง เน้นไปที่ประสิทธิภาพในการใช้งาน ความแข็งแรงและความทนทานในการใช้งาน อาจไม่จำเป็นที่จะต้องมีลวดลาย หรือลูกเล่นที่มีความหวือหวามากนัก เนื่องจากผู้คนกลุ่มนี้ จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพการใช้งานของของพรีเมี่ยมที่ได้รับมากกว่า เช่น กระบอกน้ำสแตนเลส ใช้เก็บเครื่องดื่ม หรือน้ำร้อนไว้ชงเครื่องดื่มภายในบ้าน

ผู้คนเจนเอ็กซ์

ผู้คนเจนเอ็กซ์นั้น หากจะให้เรานับรุ่น ก็จะเป็นประมาณรุ่นลูกของกลุ่มคนเบบี้บูมเมอร์ อาจจะไม่ได้ผิดแปลกไปจากคนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็เริ่มมีความเปลี่ยนไป ต่างจากยุคพ่อแม่บางอย่างมากเลยทีเดียว ค่อนข้างที่จะมีความเป็นตัวของตัวเองในระดับหนึ่ง ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เทคโนโลยี เพิ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในช่วงแรกๆ ดังนั้นกลุ่มผู้คนเจนเอ็กซ์ จึงค่อนข้างที่จะรู้จักเทคโนโลยีในระดับหนึ่ง

ของพรีเมี่ยมที่เราอาจนำมามอบให้กับคนเจนเอ็กซ์ อาจเป็นของที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น แต่ก็ยังคงสามารถเป็นของที่ใช้งานได้จริง เป็นของที่จะเป็นของตัวผู้รับเลย ยกตัวอย่างเช่น ถุงผ้าพรีเมี่ยม กระเป๋า อาจเป็นกระเป๋าใส่นามบัตร หรือจะเป็นกระเป๋าเงิน และอาจมีการใส่กิมมิคเล็กๆ อย่างการสลักชื่อของตัวผู้รับลงไปบนกล่อง หรือบนกระเป๋าเหล่านั้นด้วยก็ได้เหมือนกัน

คนเจนวาย

กลุ่มคนเจนวายนั้น นับว่าเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบความทันสมัย และอะไรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังชอบที่จะทำอะไรหลายอย่างในช่วงเวลาเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ของพรีเมี่ยมที่จะนำมาใช้ อาจจะเป็นของที่มีความสารพัดประโยชน์ หรือสามารถที่จะรองรับกับเทคโนโลยีมากได้ ยกตัวอย่างเช่นการมอบแบตสำรอง หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น สายชาร์จ USB แบบนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน

คนเจนแซด

สุดท้ายเป็นกลุ่มคนเจนแซด ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบเต็มขั้น เด็กเจเนอเรชั่นนี้จะค่อนข้างเรียนรู้เร็ว เนื่องจากมีเทคโนโลยีอยู่รอบตัวอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งของที่อาจจะนำมามอบเป็นของพรีเมี่ยม อาจจะเป็นของที่อยู่ในกระแส เป็นของที่มีสีสันหวือหวา และก็ต้องดูเรื่องของความใช้งานไม่ซับซ้อนจนเกินไปก็น่าจะดี

เมื่อพูดถึงไอเดียของพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ในยุคสมัยปัจจุบัน แน่นอนว่าหนึ่งในประเภท หรือหมวดหมู่ที่ต้องจัดให้เป็นไอเดียยอดฮิตลำดับต้นๆ อย่างแน่นอนก็คือสินค้าในหมวดหมู่แก็ดเจ็ต หรืออุปกรณ์เสริมใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ Power Bank นั่นเอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีความสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นอีกในอนาคต โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นวัยเรียน และหนุ่มสาวออฟฟิศวัยทำงาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีพลังในการขับเคลื่อนการตลาด ส่งต่อกระแสนิยมทางธุรกิจและการบริโภคอย่างมาก อย่างไรก็ตามการเลือกหาไอเดียของพรีเมี่ยมในหมวดหมู่แก็ดเจ็ตสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดใดๆ สักชิ้นถือว่าไม่ใช่งานง่ายเลยทีเดียว เนื่องจากสินค้าในหมวดหมู่นี้มีอยู่ด้วยกันมากมายหลายชิ้น และมีประโยชน์ใช้งานหลากหลายด้านเช่นกัน เรียกได้ว่าแก็ดเจ็ตบางชิ้นที่โดนใจคนกลุ่มนึง อาจจะเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอีกหลายกลุ่มมองข้าม หรือไม่ได้สนใจอยากที่จะใช้งานก็ได้ ในบทความนี้จึงจะมาอัพเดทไอเดียของพรีเมี่ยมหมวดแก็ดเจ็ตที่น่าสนใจ และน่าจะโดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้หลากหลายกลุ่มในปี 2023 ให้หลายคนได้ทราบเพื่อใช้เป็นแนวทางเลือกหาสินค้าสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ กัน
สายชาร์จแบบหลายหัว ไอเดียแก็ดเจ็ตชิ้นแรกที่ถือเป็นไอเดียพื้นฐานที่เหมาะจะใช้งานเป็นของพรีเมี่ยมในปี 2023 นี้มากที่สุดก็คือสายชาร์จ USB แบบหลายหัวนั่นเอง ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่าสายชาร์จ USB เป็น Gadget
สามัญชิ้นนึงที่แทบทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ใช้งานสำหรับการชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนแท็บเล็ต และปัจจุบันอุปกรณ์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็อาจมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อที่แตกต่างกันออกไป ของพรีเมี่ยมอย่างแก็ดเจ็ตสายชาร์จหลายหัวจึงถือเป็นไอเทมที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในการลดความยุ่งยากสำหรับการพกพาสายชาร์จเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลายคน โดยแก็ดเจ็ตสายชาร์จหลายหัวควรจะมาพร้อมกับหัวพื้นฐานสามหัวที่มักจะอยู่ในพอร์ตของอุปกรณ์ไอทีจากแบรนด์ดัง ยี่ห้อดัง ซึ่งประกอบด้วยหัว USB-B หัว USB-C และหัว Lightning
ลำโพงบลูทูธพกพา ไอเดียแก็ดเจ็ตแนะนำอีกชิ้นที่อาจจะดูไม่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันซะทีเดียว แต่ก็นับว่าเหมาะสำหรับทำเป็นของพรีเมี่ยมก็คือ ลำโพลงบลูทูธพกพานั่นเอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์การเสพสื่อ หรือรับชมความบันเทิงต่างๆ ของหลายคนนั้นนิยมใช้อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตกันแทนที่โทรทัศน์และเครื่องเสียงแบบดั้งเดิม ซึ่งการมีแก็ดเจ็ตอย่างลำโพงบลูทูธพกพาจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมสื่อต่างๆ ผ่านอุปกรณ์พกพาได้มากขึ้น นอกจากนี้ของพรีเมี่ยมอย่างลำโพงบลูทูธยังถือว่ามีข้อดีเรื่องความยืดหยุ่นของดีไซน์ ซึ่งสามารถเลือกออกแบบได้หลายแนว หลายสไตล์ ดังนั้นนอกเหนือจากประโยชน์การใช้งานหลักของตัวแก็ดเจ็ตแล้วก็ยังถือว่าเป็นของพรีเมี่ยมที่สามารถดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยากได้ของพรีเมี่ยมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น นำไปใช้จัดวางเป็นของแต่งบ้าน นำไปจัดวางตกแต่งโต๊ะทำงาน ตกแต่งออฟฟิศ เป็นต้น นับเป็นหนึ่งในสินค้าหมวดแก็ดเจ็ตไม่กี่ชิ้นที่สามารถใช้ประโยชน์เป็นของตกแต่งได้ด้วย อย่างไรก็ตามการทำลำโพงบลูทูธเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับแคมเปญการตลาดต่างๆ อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่ต้นทุนในการสั่งทำสินค้าต่อชิ้นโดยเฉลี่ยที่สูงกว่าสินค้าแก็ดเจ็ตหลายๆ ชิ้น จึงอาจจะต้องตัดสินใจเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนกว่าสินค้าชิ้นอื่นๆ สักหน่อย เพื่อจะได้ใช้งบได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

ในยุคปัจจุบันนี้ ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลายภาคส่วนจำเป็นที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือ และแบ่งเบาในเรื่องของขยะเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นขยะที่เกิดจากอุตสาหกรรม ทั้งในภาคส่วนของประชาชน หรือในภาครัฐ หรือแม้แต่ในภาคเอกชนก็ตาม แต่ละองค์กรหรือแต่ละแบรนด์ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจสำคัญครั้งนี้

หากเราจะกล่าวถึงในภาคเอกชน สิ่งที่อยู่คู่กับภาคเอกชนหรือแบรนด์เหล่านี้อยู่เสมอ นั่นก็คือการใช้กลยุทธ์การตลาดในการโปรโมทแบรนด์ หรือการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก กลยุทธ์หนึ่งที่มักจะหยิบยกมาใช้กันอยู่เสมอ คือการใช้ของพรีเมี่ยมในการโปรโมทแบรนด์ ในแง่ของการตลาด สิ่งนี้มักจะได้ผล และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีอยู่เสมอ อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า ในหลายภาคส่วนเริ่มที่จะหันมาใส่ใจในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นแล้ว ดังนั้นหลายแบรนด์จึงได้ทำการประยุกต์ ได้นำสิ่งที่เรียกว่าของพรีเมี่ยมนี้ มาผนวกกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อทำการสร้างของพรีเมี่ยมรักษ์โลกขึ้น

ดังนั้นด้วยเหตุนี้วันนี้ เราจะพาคุณมาแนะนำ และนำเสนอตัวอย่างไอเดียของพรีเมี่ยมรักษ์โลก ที่นอกจากจะเป็นการโปรโมทแบรนด์ไปในตัวแล้ว ยังเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นด้วยในทางเดียวกัน มาดูกันว่าของเหล่านี้จะมีอะไร และเราสามารถใช้อะไรได้บ้าง

เครื่องเขียน

ชุดเครื่องเขียนนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นของพรีเมี่ยมยอดนิยมที่หลายแบรนด์มักจะเลือกใช้อยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงแค่ปากกาหรือดินสอเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงยางลบ ไม้บรรทัด หรืออื่นอีกมากมาย การทำชุดเครื่องเขียนให้ออกมารักษ์โลก สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรืออาจเป็นการนำวัสดุเก่ามารีไซเคิล แล้วนำมาทำเป็นเครื่องเขียนแบบนี้ก็ดีไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่ก่อให้เกิดมลพิษใหม่ในกระบวนการการผลิต หรือหากเป็นกระเป๋าสำหรับใส่อุปกรณ์เครื่องเขียน อาจเลือกแบบที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ แบบนี้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าอุปกรณ์ที่ทำมาจากพลาสติกหรือโพลิเมอร์

สมุดโน้ต

นี่ก็เป็นไอเดียที่ดีเช่นกัน ขยะชนิดหนึ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด คือกระดาษ แต่ในทางกลับกัน กระดาษก็เป็นสิ่งของที่หยิบมารีไซเคิลได้ค่อนข้างง่าย มีหลากหลายขั้นตอน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการนำกระดาษเหล่านี้มารีไซเคิล แล้วนำมารวมเล่มเป็นสมุดโน้ต แบบนี้นอกจากจะเป็นการนำสิ่งของที่ไม่เป็นประโยชน์แล้ว กลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรายังได้สมุดโน้ตสวยๆ ไว้ใช้งานแบบไม่ซ้ำใครกันอีกด้วย

กระบอกน้ำรีไซเคิล

กระบอกน้ำนั้น นับว่าเป็นของพรีเมี่ยมยอดนิยม ที่หลายแบรนด์หรือหลายองค์กรเลือกนำมาใช้ เพียงแค่ลองเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการนำมาทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ทำให้กระบอกน้ำของเรามีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับใคร อีกทั้งยังเป็นการรักษ์โลกมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยเลยทีเดียว การใช้กระบอกน้ำรีไซเคิลนั้น หลายคนอาจมองว่า อาจจะไม่ดีต่อสุขภาวะของผู้ใช้งาน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงจะทำมาจากวัสดุรีไซเคิลก็จริง แต่ก็เป็นวัสดุที่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี และไม่ก่อให้เกิดมลพิษหากใช้งานในระยะยาวด้วย

และเหล่านี้เป็นตัวอย่างไอเดีย การนำของพรีเมี่ยมมาใช้งานในองค์กร และยังเป็นของพรีเมี่ยมในรูปแบบของการรักษ์โลกด้วย การใช้ของเหล่านี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากองค์กร หรือแบรนด์ของคุณเลือกที่จะใช้ของเหล่านี้ ก็นับว่ามีความทันสมัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เรียกว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ไปอีกทางด้วย มีแต่ได้กำไรทั้งนั้น

ไอเดียการจัดทำของพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ในปัจจุบันถือว่ามีค่อนข้างหลากหลาย เลือกใช้ได้อย่างยืดหยุ่นตามความเหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรม หรือแคมเปญนั้นๆ จากเดิมที่ในโลกของการตลาดช่วงหลายปีก่อนเรามักจะคุ้นเคยกับข้อควรคำนึงพื้นฐานต่างๆ ในการเลือกหาสินค้าสักชิ้นสำหรับใช้เป็นของพรีเมี่ยม เช่น ควรต้องเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยธรรมดาๆ เข้าใจง่าย เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น สินค้าอย่างเสื้อยืด ร่ม เป็นต้น ทว่าปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีสินค้าอย่าง แก็ดเจ็ตไอที สินค้าสุขภาพที่ผลิตจากนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าในรูปแบบกิฟต์เซ็ท บ็อกซ์เซ็ท ที่ถูกใช้เป็นของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ขององค์กร แบรนด์ หรือบริษัทต่างๆ อย่างไรก็ตามสินค้าพรีเมี่ยมที่ดูจะเป็นไอเดียพื้นฐานในโลกการตลาดยุคปัจจุบัน แต่กลับไม่ได้ถูกใช้งานจริงสำหรับเป็นของรางวัล แจก แถมในแคมเปญการตลาดใดๆ มากนักเมื่อเทียบกับสินค้าชิ้นอื่นๆ ก็คือ สินค้าในรูปแบบกิฟต์เซ็ท หรือบ็อกซ์เซ็ทนั่นเอง ในบทความนี้จึงจะมาอธิบายกันว่าเพราะอะไรของพรีเมี่ยมประเภทนี้จึงมักเป็นไอเดียที่ถูกเลือกใช้งานจริงน้อยกว่าไอเดียอื่นๆ และกิจกรรม หรือแคมเปญการตลาดแบบใดที่เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับสินค้าประเภทกิฟต์เซ็ทนี้
ต้นทุนการสั่งผลิตที่สูงกว่าของพรีเมี่ยมแบบชิ้นเดี่ยว แม้ว่าปัจจุบันโรงงานผู้รับผลิตสินค้าพรีเมี่ยมหลายแห่งจะมีการรับออเดอร์ผลิตของพรีเมี่ยมแบบจัดเซ็ทเป็น Gift set หรือบ็อกซ์เซ็ท ให้บริษัท แบรนด์ ห้างร้านต่างๆ สามารถสั่งผลิตได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับสินค้าพรีเมี่ยมแบบชิ้นเดี่ยว แต่ในแง่ของต้นทุนการสั่งผลิตนั้นแน่นอนว่าของพรีเมี่ยมแบบจัดเซ็ทย่อมสูงกว่าสินค้าชิ้นเดี่ยวทั่วไป เพราะเป็นการผลิตสินค้าตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปเพื่อนำมารวมเซ็ทอีกที จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัท แบรนด์ หรือองค์กรใดๆไม่นิยมใช้ของพรีเมี่ยมแบบกิฟต์เซ็ทในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ มากเท่ากับของพรีเมี่ยมแบบชิ้นเดี่ยว
เหมาะสำหรับใช้ในแคมเปญการตลาดช่วงเวลาเทศกาลต่างๆ แม้ว่าด้วยเหตุผลเรื่องของต้นทุนการสั่งผลิตจะทำให้ของพรีเมี่ยมแบบกิฟต์เซ็ท บ็อกซ์เซ็ทไม่เป็นที่นิยมนักดังกล่าว แต่ในแง่ของประสิทธิภาพทางการตลาดแล้ว ก็ต้องบอกว่าของพรีเมี่ยมแบบกิฟต์เซ็ท หรือบ็อกซ์เซ็ทนั้นยังมีความเป็นจำเป็นสำหรับแคมเปญการตลาดบางแคมเปญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแคมเปญการตลาดที่จัดขึ้นในช่วงเวลาเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงคริสต์มาส ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เป็นต้น เพราะถือเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้า และผู้บริโภคทุกคนรู้สึกดีกับการได้รับของขวัญ ซึ่งของรางวัลจากการร่วมกิจกรรมกับทางแบรนด์ หรือบริษัทในรูปแบบกิฟต์เซ็ทก็ย่อมสื่อถึงความรู้สึกของการได้รับของขวัญในช่วงเวลาเทศกาลนั้นๆ ได้ดีกว่าของพรีเมี่ยมแบบชิ้นเดี่ยว ลูกค้าจึงมีแนวโน้มที่จะรู้สึกประทับใจ และจดจำแบรนด์เราได้ดีกว่า
ใช้กับแคมเปญที่ต้องการให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายร่วมกิจกรรมในระยะยาว อย่างที่ทราบกันดีกว่าของพรีเมี่ยมแบบจัดเซ็ทนั้นมีต้นทุนการสั่งผลิตที่สูงกว่าสินค้าพรีเมี่ยมชิ้นเดี่ยวทั่วไป แต่ในแง่ของคุณค่า หรือความรู้สึกพึงพอใจของลูกค้าเมื่อได้รับไปก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะมากกว่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นลักษณะของแคมเปญการตลาดอีกแบบนึงที่เหมาะจะใช้ร่วมกับสินค้าพรีเมี่ยมแบบจัดเซ็ทนี้ก็คือ แคมเปญที่ต้องการให้กลุ่มลูกค้าร่วมกิจกรรมกับแบรนด์ หรือองค์กรเราในระยะยาว ตัวอย่างเช่น กิจกรรมสะสมคะแนนแลกรับกิฟต์เซ็ทที่มีระยะเวลาร่วมกิจกรรมตั้งแต่ 1-3 เดือน เป็นต้น การใช้งานร่วมกับแคมเปญลักษณะนี้จะช่วยให้ได้ประโยชน์ หรือผลลัพธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คุ้มค่ากับต้นทุนการสั่งผลิต หรือจัดทำพรีเมี่ยมแบบกิฟต์เซ็ทมากขึ้น แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ระยะเวลากิจกรรมโดยเฉลี่ยก็ไม่ควรเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป เพราะนับเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเลิกจดจ่อกับเป้าหมายในการร่วมกิจกรรมทางการตลาดใดๆ นั่นเอง

เมื่อพูดถึงไอเดียสินค้าสำหรับนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยม แจก แถมในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ แน่นอนว่าโดยคำแนะนำพื้นฐานตามหลักการตลาดมักทำให้เราเลือกมองหาสินค้าประเภทที่มีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐาน จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ มีวิธีใช้งานที่ไม่ซับซ้อน เช่น เสื้อยืด กระเป๋าผ้า/ถุงผ้า ร่ม กระบอกน้ำ เป็นต้น ในทางกันข้ามก็ให้หลีกเลี่ยงสินค้าที่อาจมีวิธีใช้งานที่ซับซ้อน สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี สินค้าที่ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม เพราะเป็นลักษณะสินค้าที่เมื่อนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมแล้วอาจจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ไม่ทั่วถึง กล่าวคือลูกค้าหลายคนที่ได้รับสินค้าไปอาจจะไม่ได้นำสินค้าไปใช้งานจริง และส่งผลให้แคมเปญการตลาดที่จัดขึ้นในครั้งนั้นๆได้ประสิทธิผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามในโลกการตลาดยุคปัจจุบันถือว่าแตกต่างออกไปจากหลักการตลาดเดิมๆ ที่หลายคนคุ้นเคย เพราะวิถีชีวิตของผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลเจเนอเรชั่นมากขึ้น มีการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ ในชีวิตประจำวันกันเป็นเรื่องปกติ สินค้าที่ดูจะขาดคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมาะสมในการเลือกใช้เป็นของพรีเมี่ยมอย่างสินค้าหมวดแก็ดเจ็ตไอทีบางชิ้นก็ได้กลายเป็นไอเดียสินค้าที่ควรเลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมในโลกการตลาดยุคดิจิทัลนี้ ในบทความนี้จึงจะมาอัพเดทเทรนด์ให้ได้ทราบกันว่ามีสินค้าชิ้นไหนบ้างในหมวดแก็ดเจ็ตที่มีวิธีใช้งานไม่ซับซ้อนเกินไป เป็นของที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเหมาะสำหรับนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ในปัจจุบัน
แท่นวางสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต แก็ดเจ็ตชิ้นที่มีประโยชน์ใช้งานแสนธรรมดา แต่มีความต้องการใช้งานจากผู้บริโภคจำนวนมากก็คือแท่นวางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั่นเอง อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ หรือไอโฟน รวมถึงแท็บเล็ตจากแบรนด์ต่างๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน และการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ละคร ข่าว ผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็ได้เข้ามาแทนที่การรับชมผ่านช่องทางเดิมๆอย่างโทรทัศน์ รวมถึงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเหล่านี้เองที่ตามมาด้วยความต้องการใช้งานแก็ดเจ็ตแท่นวางสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และปัจจุบันโรงงานผู้รับผลิตของพรีเมี่ยมหลายๆเจ้าก็ได้มีการดีไซน์แก็ดเจ็ตแท่นวางสมาร์ทโฟนนี้ออกมาหลายแบบหลายสไตล์ให้เราได้เลือกสั่งผลิตสำหรับใช้งานเป็นของพรีเมี่ยมในกิจกรรมการตลาดต่างๆ ทั้งแท่นวางไม้ แท่นวางอลูมิเนียม โดยที่แต่ละผู้ผลิตก็มีเอกลักษณ์การดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป

แผ่นรองเมาส์ แก็ดเจ็ตอีกหนึ่งชิ้นที่แม้ว่าจะมีไว้ใช้งานร่วมกับสินค้าไอที แต่ประโยชน์ใช้งานของตัวเองนั้นแสนธรรมดาเช่นกันก็คือ แผ่นรองเมาส์นั่นเอง เหตุผลที่ทำให้แผ่นรองเมาส์เป็นหนึ่งในสินค้าหมวดแก็ดเจ็ตที่เหมาะจะนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมก็มีหลากหลายเลยทีเดียว นอกจากประโยชน์ใช้งานที่ธรรมดา วิธีใช้งานที่ไม่ซับซ้อนแล้ว ต้นทุนในการสั่งผลิตก็ยังถูกอีกด้วย อีกทั้งความต้องการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบันก็มีสูง เรียกว่าเป็นแก็ดเจ็ตพื้นฐานที่หลายคนมีความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักศึกษาวัยเรียน กลุ่มคนวัยทำงานที่ใช้งานคอมพิวเตอร์กันแทบทุกวันอยู่แล้ว

ปากกาสไตลัส แม้ว่าโดยประโยชน์ใช้งานของตัวสินค้า ปากกาสไตลัสสำหรับเขียนหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตอาจจะดูไม่เหมาะจะนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสักเท่าไหร่ เพราะถือเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้งานเฉพาะกลุ่ม แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา หรือหนุ่มสาววัยทำงานนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมใช้งานแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลสูงต่อการตลาดยุคใหม่ การเลือกใช้ปากกาสไตลัสเป็นของพรีเมี่ยมเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ในแคมเปญการตลาดต่างๆ จึงถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจในโลกการตลาดยุคดิจิทัลเจน

เมื่อพูดถึงการจัดทำของพรีเมี่ยมสักชิ้นเพื่อประโยชน์ทางการตลาด โดยทั่วไปแล้วเรามักจะนึกถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดขององค์กร บริษัทที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง มีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งของพรีเมี่ยมชิ้นใดๆ ที่จัดทำขึ้นนั้นก็เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ สร้างการจดจำในกลุ่มลูกค้า หรือผู้คนกลุ่มเป้าหมายที่อาจกลายเป็นลูกค้าขององค์กรในอนาคต เรียกว่านักการตลาดน้อยคนนักที่จะนึกถึงการจัดทำของพรีเมี่ยมเพื่อใช้งานกับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าทั่วไป และไม่ได้มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัว อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วชื่อร้านก็ถือเป็นแบรนด์ที่แต่ละร้านใช้แข่งขัน และสร้างฐานลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าจากร้านเช่นกัน การใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดต่างๆ สำหรับองค์กร บริษัทขนาดใหญ่จึงไม่ได้ต่างอะไรกับธุรกิจขนาดเล็กอย่างร้านค้าออนไลน์ที่ต่างก็จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์และภาพจำที่ดีในหมู่ลูกค้า และปัจจุบันก็มีร้านค้าออนไลน์หลายๆร้านเลือกใช้วิธีทำของพรีเมี่ยมสำหรับเป็นของแจก แถมไปกับออเดอร์ต่างๆ เพื่อสร้างการจดจำและเพิ่มความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้าเมื่อกล่องพัสดุสินค้าส่งถึงมือ ในบทความนี้จึงได้นำเอาไอเดียของพรีเมี่ยมชิ้นเล็กที่เหมาะใส่ไปกับกล่องพัสดุสำหรับเป็นของแถมในออเดอร์ต่างๆ ของร้านค้าออนไลน์มาแนะนำให้เหล่านักขาย เจ้าของร้านค้าออนไลน์ได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกใช้กัน
ปากกา ไอเดียของพรีเมี่ยมชิ้นแรก เป็นไอเดียสินค้าพื้นฐานที่แสนธรรมดา แต่ใช้ประโยชน์ได้ดีมาก ซึ่งก็คือปากกาลูกลื่นนั่นเอง อย่างที่ทราบกันดีว่าปากกาเป็นสินค้าที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถใส่ลงไปในกล่องพัสดุได้แทบจะทุกขนาด และต้นทุนการสั่งผลิตปากกาพรีเมี่ยมต่อชิ้น หรือต่อด้ามก็ค่อนข้างถูก สามารถใช้แจกแถมไปกับออเดอร์มูลค่าน้อยๆ ได้ การสั่งทำปากกาพรีเมี่ยมที่สกรีนชื่อร้านของเราสำหรับไว้ใช้แจก แถมไปกับออเดอร์ต่างๆ จึงถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่เหล่านักขาย เจ้าของร้านออนไลน์ควรเลือกใช้หากต้องการกระตุ้นการตลาด เสริมภาพจำในกลุ่มลูกค้า
พวงกุญแจที่เปิดขวดดีไซน์ต่างๆ ของพรีเมี่ยมอีกชิ้นที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับแจก แถมไปพร้อมกล่องพัสดุ ต้นทุนสั่งทำต่ำ ทั้งยังมีดีไซน์ที่ยืดหยุ่น ออกแบบได้หลายสไตล์ก็คือ พวงกุญแจที่เปิดฝาขวดนั่นเอง ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันดีว่าออเดอร์ร้านค้าออนไลน์จากลูกค้าแต่ละรายอาจมีมูลค่ามากบ้าง น้อยบ้าง อีกทั้งแต่ละร้านยังต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคา จัดโปรโมชั่นให้ส่วนลดลูกค้า หรือฟรีค่าส่ง ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงไม่ได้คาดหวังของแถม หรือของพรีเมี่ยมที่มีมูลค่ามากมายจากร้านอยู่แล้ว ทว่าการเลือกใช้สิ่งของที่อาจไม่ได้มีมูลค่ามาก แต่มีประโยชน์การใช้งานที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นของพรีเมี่ยมแถมฟรีไปกับออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อก็มีส่วนช่วยสร้างความประทับใจ เพิ่มความรู้สึกในด้านบวกที่ลูกค้ามีต่อร้านได้มากเช่นกัน
สมุดโน้ตขนาดเล็ก ไอเดียของพรีเมี่ยมอีกชิ้นที่เหมาะสำหรับแจกแถมให้ออเดอร์ร้านค้าออนไลน์ก็คือ สมุดโน้ตขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีพื้นที่ให้พิมพ์ชื่อแบรนด์ร้าน รวมถึงข้อความโปรโมทต่างๆ ได้มากกว่าของพรีเมี่ยมขนาดเล็กชิ้นอื่นๆ ทั้งนี้แม้ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของหลายคนจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล สามารถใช้อุปกรณ์ไอทีอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตในการจดโน้ต บันทึกข้อความต่างๆ ได้ แต่การใช้งานสมุดโน้ตสำหรับจดข้อความต่างๆ ก็ถือว่ายังอยู่ในชีวิตประจำวันของใครหลายคน และให้ความสะดวกในการใช้งานไม่แพ้อุปกรณ์ไอทีเช่นกัน สมุดโน้ตจึงนับเป็นสินค้าต้นทุนต่ำอีกชิ้นที่ให้ประโยชน์การใช้งานดีๆ ในชีวิตประจำวันแก่ลูกค้าได้

สิ่งที่สำคัญ ที่หลายแบรนด์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลมากเลยทีเดียวในการดึงดูดลูกค้า นั่นคือกลยุทธ์การมอบของแจกให้กับลูกค้า หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปาก ว่าการมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า ของเหล่านี้ นับว่าเป็นของที่มีประโยชน์ทั้งตัวแบรนด์เอง และทั้งตัวผู้ที่ได้รับไป เนื่องจากของที่เรียกว่าของพรีเมี่ยมส่วนใหญ่ ส่วนมากจะเป็นของใช้ ที่ผู้ใช้งานสามารถที่จะหยิบมาใช้งานได้จริง นอกจากนี้ ในของพรีเมี่ยมเหล่านี้ ยังมีการสกรีนโลโก้ หรือมีการสกรีนชื่อแบรนด์ลงไป นี่เป็นการโปรโมทสินค้าที่ดีเอามากๆ และเมื่อลูกค้าหยิบของของเรามาใช้งาน จะถือเป็นการโปรโมทแบรนด์ไปในตัว เปรียบเสมือนกันสร้างการรู้จัก และทำให้แบรนด์ของเราถูกมองเห็นได้มากยิ่งขึ้น

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลวันปีใหม่ และอีกไม่ไกลก็เป็นเทศกาลวันตรุษจีน และจะตามมาด้วยเทศกาลอีกมากมายในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หลายแบรนด์ ก็ยังคงใช้กลยุทธ์การมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้าอยู่ ซึ่งถือเป็นอะไรที่ดีและได้ผลเป็นอย่างมาก ในวันนี้เอง เราจะมาคุยกัน ในเรื่องของการมอบของพรีเมี่ยมเหล่านี้ ในช่วงเทศกาลสำคัญมากมาย เพราะกลยุทธ์การมอบของพรีเมี่ยม สามารถทำการตลาดในช่วงเทศกาลต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ช่วงเทศกาล ไม่ว่าใครได้ของก็ดีใจทั้งนั้น

ไม่ว่าจะช่วงเทศกาลใดก็ตาม ซึ่งส่วนมากหากขึ้นชื่อว่าเป็นเทศกาลแล้ว มักจะมีความเกี่ยวข้องกับความยินดี ด้วยเหตุนี้เอง หลายแบรนด์เล็งเห็นในจุดที่ว่า จึงได้ทำการใช้กลยุทธ์มอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นของที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ นอกจากที่ทางแบรนด์แจกให้กับลูกค้าอย่างเดียว อาจจะมาในรูปแบบของของสมนาคุณ ที่หากลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการ ก็จะมอบให้กับลูกค้าไปด้วย หรือจะเป็นการขอบคุณลูกค้า ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยการมอบของเหล่านี้ให้ลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งไอเดีย

แน่นอนว่าของที่มอบให้กับลูกค้านี้ จำเป็นที่จะต้องเป็นของที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถที่จะหาที่ไหนได้ ยิ่งจะทำให้ของของเรา มีความพรีเมียมมากขึ้นไปอีก และลูกค้าที่เรามอบของพรีเมี่ยมเหล่านี้ให้ไปนั้น ก็จะยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีก เนื่องจากเป็นของที่มีชิ้นเดียวในโลก และไม่สามารถหาชิ้นไหนทดแทนชิ้นนี้ได้เลย แต่การจะมอบของดีแบบนี้ให้กับลูกค้า จะมีช่วงไหน ที่ดีไปกว่าช่วงเทศกาลสำคัญที่มีอยู่ด้วยกันมากมายในปีนี้

เลือกของพรีเมี่ยม ให้เหมาะกับเทศกาล

และอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรที่จะให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ คือของที่เราเลือกนำมามอบให้กับลูกค้านั้น จะต้องเป็นไปได้ และจะต้องเข้ากันได้กับเทศกาลที่เรานำมามอบให้ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย เช่นเทศกาลวันตรุษจีน เราอาจมอบของที่เป็นมงคลให้กับลูกค้า ยกตัวอย่างเช่นของที่มีสีแดง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีแดง ถุงผ้าสีแดง หรือจะเป็นแก้วเก็บความเย็นสีแดง ให้เข้ากับช่วงเทศกาล แบบนี้ลูกค้าน่าจะประทับใจกับของที่ได้มากกว่า

หรืออาจเป็นสิ่งของที่เราเลือกที่จะมอบให้กับลูกค้า ในช่วงเทศกาลก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่นี่เอง ของที่อาจจะมอบให้กับลูกค้า อาจจะเป็นของอย่างสมุดโน้ต หรืออาจจะเป็นแพลนเนอร์ ที่มีปฏิทินอยู่ข้างใน และสามารถที่จะจดบันทึกเพื่อเป็นการวางแผน กับเตรียมตัวสำหรับเป้าหมายตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีและน่าสนใจมากเลยทีเดียว อย่าลืมว่าของที่เหมาะกับเทศกาล จะทำให้สามารถนึก และระลึกถึงแบรนด์ได้ค่อนข้างดียิ่งกว่า ทั้งนี้การมอบให้กับลูกค้าด้วยความจริงใจ ก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน