เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในโลกของการตลาด การโปรโมทแบรนด์ ธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ ของพรีเมี่ยมถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการโฆษณาธุรกิจให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยที่สินค้าที่แบรนด์ต่าง ๆ เลือกนำมาทำมาเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดนั้นก็มีให้เห็นหลากหลายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สินค้าใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อยืด หมวก กระเป๋า ร่ม สินค้ากลุ่มแก็ดเจ็ต เช่น พาวเวอร์แบงค์ Griptok ติดหลังโทรศัพท์ สินค้ากลุ่มเครื่องเขียน เช่น ปากกา ดินสอ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีสินค้ากลุ่มนึงที่เราจะสังเกตเห็นได้เช่นกันว่าแทบจะไม่มีแบรนด์ธุรกิจไหน เลือกนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมการตลาดที่ตัวเองจัดขึ้น ซึ่งก็คือ สินค้าของตัวเองที่อยู่ในไลน์ผลิตของตัวเอง หรือมีการตีตราแบรนด์วางจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ อยู่แล้วนั่นเอง ทั้ง ๆ ที่น่าจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ง่ายต่อการหยิบจับมาใช้งานมากที่สุด และช่วยควบคุมงบประมาณในการทำการตลาดได้ดีที่สุดแล้วก็ตาม ในบทความนี้จึงจะมาเปิดเหตุผลให้ได้ทราบกันว่า เพราะอะไรสินค้าของตัวเองจึงเป็นของต้องห้ามสำหรับแบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ ในการนำมาใช้เป็นของพรีเมี่ยมในกิจกรรมทางการตลาด
ไม่ได้ช่วยขยายความเป็นที่รู้จักในแบรนด์มากนัก เหตุผลสำคัญประการแรกที่แบรนด์ต่าง ๆ ไม่นิยมใช้สินค้าของตัวเองทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ ก็คือ สินค้าแบรนด์ของตัวเองนั้นมีแนวโน้มที่จะช่วยขยายความเป็นที่รู้จักออกไปได้น้อยนั่นเอง เนื่องจากผู้คนสามารถพบเห็นสินค้าที่มีการตีตราแบรนด์ได้ตามช่องทางการจัดจำหน่าย ๆ ต่างอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์เจ้าดังต่าง ๆ ที่มีช่องทางการจำหน่ายหลากหลายก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องนำเอาสินค้าของแบรนด์มาทำเป็นของพรีเมี่ยมในแคมเปญการตลาดใด ๆ
ของพรีเมี่ยม และสินค้าทดลองใช้มีหน้าที่แตกต่างกัน เหตุผลต่อมาที่ทำให้แบรนด์ต่างๆหลีกเลี่ยงการใช้งานสินค้าในไลน์ผลิตของตัวเองมาทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมก็คือ ประโยชน์ หรือหน้าที่ในเชิงการตลาดที่แตกต่างกันของสินค้าพรีเมี่ยม และสินค้าทดลองใช้นั่นเอง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ แบรนด์ต่าง ๆ มักนิยมนำสินค้าในไลน์ผลิต โดยเฉพาะสินค้าที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่นำมาทำเป็นสินค้าทดลองใช้ เพื่อแจก มอบให้ผู้คนที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น ๆ จะกลับมาซื้อสินค้ามากกว่า ขณะที่ของพรีเมี่ยมมีหน้าที่เสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ สร้างการจดจำในตัวแบรนด์ โดยที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องนึกถึงสินค้าต่าง ๆ ของแบรนด์ แบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ จึงนิยมเลือกใช้สินค้าที่ไม่ได้อยู่ในไลน์ผลิตของตัวเองซะมากกว่า เพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะจดจำแบรนด์จากมิติอื่น ๆ และนึกถึงแบรนด์ได้แม้จะไม่ได้พบเห็นสินค้าของแบรนด์อย่างเช่นการสกรีนชื่อแบรนด์ลงบนกระบอกน้ำหรือร่มเป็นต้น
แมตช์กับกลุ่มเป้าหมายได้ในวงจำกัด ข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การใช้สินค้าในไลน์ผลิตตัวเองของแบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ เป็นของพรีเมี่ยมกลายเป็นไอเดียที่ไม่เวิร์กก็คือ ความแมตช์กันได้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จำกัดนั่นเอง เนื่องจากแบรนด์ธุรกิจหลายแบรนด์มักจะผลิตสินค้าเฉพาะกลุ่มที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญ ขณะที่การทำการตลาด การสร้างความเป็นที่รู้จัก และเสริมภาพลักษณ์แบรนด์นั้นจำเป็นต้องสื่อสารไปยังผู้คนหลากหลายกลุ่ม สินค้าพรีเมี่ยมจึงควรจะต้องเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐาน เข้ากันได้ หรืออยู่ในความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลาย
มีต้นทุนที่ฟิกเรทกว่า แม้ว่าเมื่อมองอย่างผิวเผินแล้วการจัดการกับต้นทุนการผลิตสินค้าในไลน์ผลิตของตัวเองดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่าการจ้าง หรือสั่งผลิตภายนอก แต่สำหรับสินค้าพรีเมี่ยมแล้วต้องบอกว่าการเลือกใช้สินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในไลน์ผลิตของตัวเองนั้นถือว่ามีข้อดีกว่ากันมาก เพราะสามารถจัดสรรงบการตลาดได้อย่างยืดหยุ่นกว่า สามารถเลือกสินค้าที่มีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่า
ข้อจำกัดด้านดีไซน์ อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้การใช้สินค้าในไลน์ผลิตตัวเองทำเป็นของพรีเมี่ยมเพื่อใช้ในแคมเปญการตลาดเป็นไอเดียที่ไม่ตอบโจทย์แบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ ก็คือ ข้อจำกัดด้านดีไซน์นั่นเอง เนื่องจากสินค้าสำหรับวางจำหน่ายของแบรนด์ต่าง ๆ มักมีกรอบการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมนั้นจำเป็นต้องดีไซน์ให้แมตช์กับแคมเปญที่ต้องการสื่อสารในแต่ละช่วงเวลา และมีความยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงไปตามคอนเซ็ปต์การสื่อสารในแต่ละช่วงเวลาด้วยเช่นกัน