ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปแบบติดสปีด โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่โตมากับแฮชแท็ก ฟีด IG และ TikTok ธุรกิจต้องไม่ใช่แค่แจกของพรีเมี่ยมแบบเดิม ๆ แต่ต้องเข้าให้ถึงใจแบบเนียน ๆ เพราะ Gen Z เขาไม่อินกับของฟรีที่ดูไม่มีความหมาย

บทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกไอเดียการ “ผลิตของพรีเมี่ยม” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Gen Z แบบเกินต้าน พร้อมแทรกเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้ของพรีเมี่ยมของคุณกลายเป็นไวรัลแบบไม่ต้องเปลืองงบ

ของพรีเมี่ยมแบบไหนที่ Gen Z สนใจ?

ความแปลกใหม่และความเป็นตัวของตัวเอง

Gen Z คือเจนที่ชอบความยูนีค ไม่อินกับอะไรที่แมสจนเกินไป การผลิตของพรีเมี่ยมที่โดนใจพวกเขาต้องมาแบบ “คัสตอมได้” หรือมีฟีลลิ่งว่าเป็นของที่ออกแบบมาสำหรับเขาจริง ๆ เช่น เลือกสีเอง พิมพ์ชื่อ หรือมีลูกเล่นให้เขารู้สึกว่าได้แสดงตัวตน

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าของแจกของคุณมันดูเหมือน mass production จากโรงงานไม่มีวิญญาณ ก็แทบจะโดนมองข้ามทันที พวกเขาอยากได้ของที่ถ่ายลงไอจีแล้วเพื่อนทักว่า “เห้ย ของที่ไหนอะ? เท่อะ” นั่นแหละ คือเป้าหมายที่ควรไปให้ถึง

ดีไซน์ทันสมัยและ Instagrammable

สไตล์ต้องปัง ถ่ายรูปขึ้นจอ! ของพรีเมี่ยมสำหรับ Gen Z ต้องเน้น aesthetic พอสมควร เพราะนอกจากจะได้ใช้จริงแล้ว ยังต้องเอาไปอวดบนโซเชียลได้ด้วย เช่น กระเป๋าสีพาสเทลดีไซน์ญี่ปุ่น, แก้วเก็บความเย็นลาย Y2K, หรือเสื้อโอเวอร์ไซส์ที่ใส่

ลองคิดภาพของแจกที่มีดีไซน์จึ้งจนคนโพสต์แล้วต้องแท็กแบรนด์คุณเอง นั่นคือโอกาสทางการตลาดที่มาจากความอินแบบไม่ต้องเสียเงินจ้างเลยสักบาทเดียว

ใช้งานได้จริงและมีฟังก์ชัน

Gen Z ไม่ได้ชอบของที่สวยแต่รูปนะ เขาอยากได้อะไรที่ใช้งานได้จริงด้วย เช่น สมุดจดที่มี QR Code ลิงก์ไปดูคลิป motivation หรือแก้วน้ำที่มีคำ quote เท่ ๆ พร้อม Spotify code ให้เปิดเพลงได้เลย

ฟีลเหมือน “ของแจกที่คิดมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ซื้อจากตลาดแล้วมาแปะโลโก้ ต้องมีไอเดีย มีลูกเล่นอะไรให้รู้สึกว่าแบรนด์คุณตั้งใจทำ ไม่ได้แจกแบบ pro forma

เทรนด์การผลิตของพรีเมี่ยมที่เข้ากับ Gen Z

1.Chaotic Customisation – ความยุ่งเหยิงอย่างมีสไตล์

Gen Z สายติสท์ชอบอะไรที่ดู random แต่ยังดูมีสไตล์ เช่น พวกแพ็คสติกเกอร์ที่เอาไปติดของเองได้ พวงกุญแจที่สลับชิ้นได้ หรือกระเป๋าที่ให้เขาเอาสีมากรีดลายเพิ่มเองได้เลย มันคือการปล่อยให้ลูกค้าเติมความเป็นตัวเองลงไปในของพรีเมี่ยม

อย่าลืมว่า Gen Z อยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เขาอยากเอาของที่ได้ไปรีวิวใน TikTok ทำคลิป unbox ลง story หรือถ่าย reel บอกเพื่อนว่ามันคัสตอมยังไง นี่คือพื้นที่ที่แบรนด์ต้องโฟกัสให้จึ้ง

2.Eco-Friendly และ Zero Waste

ถ้ายังผลิตของพรีเมี่ยมแบบใช้พลาสติกแล้วทิ้ง บอกเลยว่า Gen Z เทคุณแน่นอน เพราะพวกเขาแคร์ sustainability มากกว่าที่คุณคิด ลองเลือกวัสดุที่เป็น biodegradable หรือมีสตอรี่แบบ “เราเอาขยะทะเลมาทำถุงผ้า” รับรองว่าแชร์กระจาย

ยิ่งถ้าแบรนด์มี story แนวรักษ์โลก แล้วของพรีเมี่ยมก็ซัพพอร์ตแนวคิดนี้ไปด้วย แบบนี้มันจะกลายเป็น win-win ทั้งฟีลลิ่งของคนรับ และภาพลักษณ์ของแบรนด์

3.AR/QR Integration

ของพรีเมี่ยมยุคนี้มันต้องเล่นกับโลกเสมือนจริงได้ด้วย เช่น ทำเสื้อยืดที่มี QR Code พอสแกนแล้วขึ้นเป็นวิดีโอแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือใช้ AR ทำเป็น animation โชว์เบื้องหลังการออกแบบสินค้าแบบ exclusive content

คิดง่าย ๆ ว่าให้ของพรีเมี่ยมกลายเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์กับออฟไลน์ แล้วคุณจะได้อะไรที่มากกว่าของแจก แต่มันคือ engagement ที่คนอยากแชร์ต่อ

กลยุทธ์ในการผลิตของพรีเมี่ยมให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

ฟังเสียงจาก Gen Z โดยตรง

อย่าคิดแทน Gen Z ว่าเขาชอบอะไร ให้เขาพูดเองจะดีกว่า ใช้โพล IG, Q&A, หรือเล่น TikTok Poll แล้วดูว่าคนเขาเมนต์กันว่าอะไร อย่าไปเดาแบบ old school ว่าคนรุ่นนี้ชอบกระเป๋าผ้า เพราะบางทีเขาอาจอยากได้ซองใส่มือถือแบบมีสายแฟชั่นมากกว่า

จับมือกับ Influencer หรือ Artist รุ่นใหม่

ไอเท็มที่ร่วมออกแบบกับศิลปินหรือครีเอเตอร์ Gen Z คือสิ่งที่ปังไม่ไหว เพราะเขาจะช่วยกระจาย reach ให้แบบไม่มีค่าแอด แถมยังได้ของที่มีสไตล์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร ซึ่งตรงกับ core value ของ Gen Z ที่ต้องการแสดงความเป็นตัวเอง

สรุป: ผลิตของพรีเมี่ยมอย่างเข้าใจ คือการสื่อสารแบรนด์อย่างมีศิลปะ

ของพรีเมี่ยมที่ดีไม่ใช่แค่ของที่แจก แต่คือของที่คนอยากใช้ โพสต์ แชร์ และพูดถึงต่อ ถ้าคุณเข้าใจ Gen Z ว่าชอบความยูนีค ไม่ชอบอะไรแมส ๆ ชอบอะไรที่มี story มีความใส่ใจ และดูดีแบบไม่พยายาม คุณก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะจำแบรนด์คุณไปอีกนาน

ถ้าคุณอยากได้พาร์ตเนอร์ที่เข้าใจสไตล์ของ Gen Z แบบอินไซต์ลึก โรงงานของพรีเมี่ยม.com ติดต่อเราเพื่อออกแบบของพรีเมี่ยมสำหรับ Gen Z โดยเฉพาะ