ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง การมอบของขวัญหรือของที่ระลึกกลายเป็นธรรมเนียมที่หลายแบรนด์นำมาใช้ในการเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างความประทับใจที่ยั่งยืนในใจผู้รับ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ของพรีเมี่ยมแนวรักษ์โลกจึงกลายเป็นกระแสที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้เป็นเพียงแค่ของแจกเพื่อโปรโมตแบรนด์อีกต่อไป แต่ยังสะท้อนถึงจุดยืนและภาพลักษณ์ของธุรกิจที่ให้ความใส่ใจต่อโลกและสังคม
แบรนด์ที่เลือกใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาความสมดุลระหว่างคุณค่าและความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำพกพาที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก หรือแม้แต่สมุดโน้ตจากกระดาษรีไซเคิล ของเหล่านี้ไม่เพียงแค่มีฟังก์ชันการใช้งานเท่านั้น แต่ยังสื่อสารได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของแบรนด์ ผู้บริโภคในยุคใหม่ไม่ได้มองแค่คุณภาพของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังพิจารณาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมทางธุรกิจด้วย
สงกรานต์ในปีนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์จะได้สร้างการรับรู้ผ่านการเลือกของพรีเมี่ยมที่มีความหมาย ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่ของแจกมักถูกมองว่าเป็นเพียงของที่ใช้แล้วก็ทิ้งไป แต่ในยุคที่แนวคิด Zero Waste และ Circular Economy เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ของพรีเมี่ยมที่ออกแบบให้ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และมีความทนทาน กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคมองว่าการได้รับของที่ใช้ซ้ำได้คือการลดขยะทางอ้อม และรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อม
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ของพรีเมี่ยมสายรักษ์โลกมีความโดดเด่นในตลาด ก็คือเรื่องของการดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ดูดี ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่นิยมความมินิมอลและฟังก์ชันที่ครบครัน ยิ่งหากของเหล่านี้สามารถพกพาได้สะดวก หรือมีการใช้งานหลายฟังก์ชันในชิ้นเดียวเช่น กระบอกน้ำ หรือแฟลชไดร์ฟ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผู้รับจะหยิบมาใช้บ่อยขึ้น ส่งผลให้ชื่อแบรนด์หรือโลโก้ที่อยู่บนของนั้นกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเห็นอยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว เป็นการโฆษณาที่อ่อนโยนแต่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว
ไม่เพียงแต่ลูกค้าทั่วไปเท่านั้นที่ให้ความสนใจของพรีเมี่ยมแนวนี้ แต่ในกลุ่มลูกค้าองค์กรเองก็เริ่มมีการเปลี่ยนทิศทางในการเลือกของแจกให้เข้ากับแนวคิด ESG หรือ Environmental, Social and Governance ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหญ่ของภาคธุรกิจ เพราะเมื่อแบรนด์เลือกใช้สินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือมีการผลิตที่โปร่งใส ก็ถือว่าเป็นการสะท้อนถึงพันธกิจขององค์กรที่ใส่ใจในความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน
ในแง่ของต้นทุน หลายแบรนด์อาจมองว่าของพรีเมี่ยมรักษ์โลกมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาถึงอายุการใช้งานของสินค้า และผลตอบแทนในเชิงภาพลักษณ์ที่ยั่งยืน การลงทุนกับของที่มีคุณภาพดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงถือว่าคุ้มค่า เพราะสามารถสร้างการจดจำและความภักดีในแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
นอกจากนี้ กระแสบนโซเชียลมีเดียเองก็มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค เพราะเมื่อมีการได้รับของพรีเมี่ยมที่ดูดี มีดีไซน์ทันสมัย และยังช่วยลดการใช้พลาสติกหรือขยะประเภทอื่น ผู้รับก็มักจะแชร์ภาพผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเป็นการช่วยโปรโมตแบรนด์ในแบบ Organic ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการตลาดแบบปากต่อปากที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
ในท้ายที่สุด เทศกาลแห่งการรดน้ำดำหัวและส่งความสุขแบบไทย ๆ จะยิ่งมีคุณค่าขึ้นอีกระดับ หากแบรนด์สามารถเลือกใช้ของพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความสุขที่ไม่เพียงแค่สร้างรอยยิ้มให้ผู้รับ แต่ยังช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน