เป็นที่ทราบกันดีว่าในการจัดทำของพรีเมี่ยมสำหรับใช้เป็นตัวช่วยโปรโมทแบรนด์ องค์กร หรือสื่อสารใจความใดๆ ในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ นั้น มีสินค้ามากมายหลายหมวดหมู่ไม่ว่าจะเป็น กระบอกน้ำ กระเป๋าผ้า ปากกา ร่ม ที่นิยมนำมาทำของพรีเมี่ยม สรีนชื่อ โลโก้ขององค์กรลงไป ซึ่งการเลือกใช้สินค้าชิ้นใดๆนั้นก็อาจจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ช่วงอายุ เพศ อาชีพ ไลฟ์สไตล์การบริโภค เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีสินค้าประเภทหนึ่งที่เราจะไม่เห็นแบรนด์ บริษัท หรือองค์กรต่างๆ หยิบจับนำมาทำเป็นสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับใช้ในแคมเปญทางการตลาด ซึ่งก็คือกลุ่มสินค้าที่มีอยู่ในไลน์การผลิตบริษัทเอง หรือก็คือสินค้าที่บริษัทผลิตไว้สำหรับการจัดจำหน่ายนั่นเอง ในบทความนี้จึงจะมาอธิบายถึงเหตุผลให้ได้ทราบกันว่าเพราะอะไรสินค้าที่อยู่ในไลน์การผลิตของบริษัทไม่ได้รับความนิยมนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมเพื่อใช้ในการโปรโมทบริษัท หรือแบรนด์ของตัวเองในกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไอเดียต้องห้ามที่ไม่ควรนำมาใช้เลยด้วยซ้ำ
อาจทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้สึกสับสนกับสิ่งที่องค์กรต้องการสื่อสาร เหตุผลสำคัญประการแรกที่ทำให้ บริษัท แบรนด์ต่างๆ ไม่นิยมใช้สินค้าในไลน์ผลิตของตัวเองเป็นของพรีเมี่ยมเพื่อโปรโมทองค์กรในกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ก็คือ อาจก่อให้เกิดความสับสนแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายถึงสิ่งที่องค์กรต้องการสื่อสาร หรือทำให้การรับสารมีประสิทธิภาพต่ำนั่นเอง กล่าวคือการนำสินค้าที่มีอยู่ในไลน์ผลิตของบริษัท เคยวางจำหน่ายในช่องทางจำหน่ายใดๆ มาทำเป็นของพรีเมี่ยมนั้น อาจทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ได้รับสินค้าไปเข้าใจผิดว่าเป็นการโปรโมทตัวผลิตภัณฑ์ หรือกระทั่งเข้าใจว่าเป็นสินค้าทดลองได้ ซึ่งนั่นจะทำให้โฟกัส หรือการจดจำของลูกค้าไม่ได้อยู่ที่ตัวองค์กร แต่อยู่ที่ตัวสินค้าแทน ขณะที่การใช้สินค้าที่ไม่มีในไลน์ผลิตของบริษัทจะทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าใจแคมเปญที่องค์กรสื่อออกไปได้ดีกว่า และภาพจำในตัวแบรนด์ หรือองค์กรก็จะมีความชัดเจนกว่าด้วย
กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบและมีความต้องการใช้งานสินค้าอาจอยู่ในวงจำกัดเกินไป อย่างที่หลายคนน่าจะพอทราบกันดีว่าสินค้าที่นิยมนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมสำหรับโปรโมทแคมเปญการตลาดต่างๆ นั้นมักเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยพื้นฐานทั่วไป เป็นสินค้าที่กลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัยมีความต้องการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างเช่น ปากกา ร่ม กระบอกน้ำ เพื่อให้สินค้ามีความแมตช์กันได้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ในจำนวนมากที่สุด ขณะที่สินค้าในไลน์ผลิตของหลายๆ บริษัทอาจเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ใช้งานเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย กล่าวคือสินค้าแต่ละชิ้นก็มีความต้องการใช้สอยจากกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยม ตัวสินค้าชิ้นนั้นๆ ที่เลือกมาก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในจำนวนที่มากพอ หรือไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในจำนวนที่คาดหวังได้นั่นเอง
ยากต่อการบริหารจัดการต้นทุน และกำไร ในการลงทุนผลิต หรือสั่งผลิตสินค้าสำหรับนำมาจัดจำหน่าย และสินค้าสำหรับนำมาทำเป็นของพรีเมี่ยมเพื่อใช้ในแคมเปญทางการตลาดนั้นถือว่ามีความคาดหวังในผลลัพธ์ที่แตกต่างกันชัดเจน โดยสินค้าสำหรับจัดจำหน่ายย่อมคาดหวังที่กำไรจากราคาขายลบด้วยราคาต้นทุน ขณะที่ของพรีเมี่ยมนั้นเป็นการคาดหวังกำไรทางอ้อม หรือก็คือคาดหวังการเป็นที่รู้จักจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในจำนวนมากขึ้น คาดหวังยอดขายที่อาจเติบโตขึ้นในอนาคต ดังนั้นหากหยิบจับเอาสินค้าที่อยู่ในไลน์การผลิตของบริษัทมาทำเป็นของพรีเมี่ยมก็จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารจัดการต้นทุน และกำไรของบริษัท เพราะต้นทุนในการจัดทำของพรีเมี่ยมจะเกิดขึ้นในขั้นตอนของการดำเนินการผลิตสินค้าชิ้นนั้นๆของบริษัท ซึ่งหากเป็นบริษัทที่มีไลน์ผลิตของตัวเองก็เท่ากับว่าต้นทุนในส่วนของวัสดุที่ใช้ผลิตสินค้าจะถูกหารเพิ่มด้วยนั่นเอง ทำให้ต้องมีการคิดคำนวณต้นทุนส่วนนี้แยกออกมาในภายหลังอีก