สาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับแฟลชไดร์ฟ
แฟลชไดร์ฟคืออะไร หลาย ๆ คนคงอาจจะเคยได้ยินชื่อและเคยเห็นหน้าตารวมถึงอาจจะได้ใช้งาน แฟลชไดร์ฟกันมาบ้างแล้ว แต่รู้จักความหมายและวิธีการเก็บรักษาของแฟลชไดร์ฟมั้ยคะ แฟลชไดร์หรือ USB แฟลชไดร์ฟ คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคขนาดเล็ก ใช้เสียบเข้ากับ USB พอร์ต บนคอมพิวเตอร์ แฟลชไดร์ฟจะมีหน้าที่ใช้เก็บข้อมูลและถ่ายโอนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ ทัมป์ไดร์ฟ คีย์ไดร์ฟ จัมป์ไดร์ฟ หรือชื่ออื่น ๆ ซึ่งก็ต่างหมายถึงแฟลชไดร์ฟเช่นเดียวกัน แต่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะใช้ชื่อเรียกว่าอะไร ซึ่งแฟลชไดร์ฟนั้น มีหน่วยการเก็บข้อมูลเรียกว่ากิกกะไบต์ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้แฟลชไดร์ฟกี่กิกกะไบต์ในการเก็บข้อมูลนั้น ๆ นั่นเอง
วิธีการใช้งาน เพียงแค่เราเสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปในช่องเสียบ USB พอร์ตของคอมพิวเตอร์ เราก็จะสามารถเห็นไดร์ฟข้อมูลทั้งหมดของแฟลชไดร์ฟรวมถึงสามารถเพิ่มข้อมูล คัดลอก ย้ายข้อมูลได้แล้วค่ะ
วิธีการดูแลรักษาแฟลชไดร์ฟ ข้อแรกที่ควรจะระมัดระวังอย่างมากคือการป้องกันไวรัสจากคอมพิวเตอร์เข้าสู่แฟลชไดร์ฟของเรา วิธีที่เราจะป้องกันแฟลชไดร์ฟของเราได้คือการเช็คอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เราจะทำการเชื่อมต่อด้วยว่าได้รับการรันโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเรื่องไวรัสแล้ว การเก็บรักษาข้อมูลของแฟลชไดร์ฟก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก อย่าลืมใส่รหัสการเข้าดูข้อมูลของแฟลชไดร์ฟด้วยจะมีประโยชน์อย่างมากกับการเก็บข้อมูลการค้าหรือข้อมูลธุรกิจ และที่สำคัญถึงแม้ว่าเราจะมีแฟลชไดร์ฟคอยเก็บข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่ควรลืมที่จะ ก็อปปี้ไฟล์บางส่วนสำรองเอาไว้ เผื่อในกรณีที่เราทำแฟลชไดร์ฟหาย หรือแฟลชไดร์ฟเสีย และวิธีการรักษาขั้นสุดท้ายคือการถอดแฟลชไดร์ฟออกจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลังใช้งานเสร็จ ไม่ใช่แค่ถอดออกเฉย ๆ เลยนะคะ เราต้องปิดโปรแกรมทุกตัวที่เกี่ยวข้องหรือมีการเชื่อมต่ออยู่กับแฟลชไดร์ฟก่อน จากนั้นคลิกที่ Safely Remove Hardware แล้วคลิกเลือกแฟลชไดร์ฟ หลังจากนั้นจะได้รับข้อความว่า Safe to Remove Hardware หมายความว่าเราสามารถถอดแฟลชไดร์ฟออกได้แล้วค่ะ
นอกจากวิธีการรักษาแล้ว วิธีการเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟนั้นก็สำคัญเช่นกันค่ะ เพราะเราต้องซื้อแฟลชไดร์ฟที่จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานของเราให้ได้มากที่สุด อันดับแรกเราต้องดูก่อนว่าเราจะนำแฟลชไดร์ฟไปเก็บข้อมูลประเภทไหน เช่นหากเก็บข้อมูลประเภทรูปภาพ เอกสาร แฟลชไดร์ฟขนาด 4–8 GB ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าหากต้องการเก็บไฟล์ที่ใหญ่กว่านั้น เช่น หนัง หรือวีดีโอ ก็ควรเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีขนาดประมาณ 16 GB ขึ้นไปค่ะ นอกจากความจุแล้ว การรับประกันหลังการขายก็สำคัญเช่นกันค่ะ ควรเลือกแฟลชไดร์ฟที่มีการรับประกันสินค้าอย่างน้อย 1 ปีหลังการซื้อขายและวัสดุที่ใช้ผลิตแฟลชไดร์ฟควรมีคุณภาพดี แข็งแรง หรือบางรุ่นอาจจะกันน้ำได้ ส่วนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือในปัจจุบัน แฟลชไดร์ฟผลิตการเชื่อมต่อออกมา 2 รูปแบบ คือ USB 2.0 และ USB 3.0ซึ่ง USB 3.0 จะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วกว่า แต่ก็ต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่เราจะใช้งานด้วยว่ารองรับ USB 3.0 มั้ย นอกจากนั้นแล้วควรศึกษาดูราคาและความคุ้มค่าด้วยนะคะว่าสินค้าที่เราได้มา ความจุและคุณภาพคุ้มค่ากับราคาไหม
ในปัจจุบันมีแฟลชไดร์ฟผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้อาจจะมีราคาที่ถูกลงและหลายหลายมากขึ้น ทั้งแฟลชไดร์ฟไม้ แฟลชไดร์ฟการ์ด แฟลชไดร์ฟโลหะ ซึ่งน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับนักธุรกิจที่ต้องทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือการทำงานกับโน้ตบุ๊คนอกสถานที่ นอกจากแฟลชไดร์ฟแล้วก็ยังมี ปากกา ร่มและกระบอกน้ำ ที่ไม่ควรลืมพกติดตัวออกไปทำงานนอกสถานที่ด้วยนะคะ